นางสาวแววตา เนตร์พันธ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บมจ.ที เอส ฟลาวมิลล์ (TMILL) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเติบโต 30% เมื่อเทียบกับปี 59 ที่มีกำไรสุทธิ 69.50 ล้านบาท ตามปริมาณการจำหน่ายแป้งสาลีที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10% จากปีก่อน ตามการขยายฐานลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและลูกค้าต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะทางภาคอีสานและเหนือที่ถือว่ายังมีกำลังซื้อที่เติบโต คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าประจำเป็น 300 ราย ภายใน 1-2 ปี จากปัจจุบันที่มีฐานลูกค้าอยู่ที่ 250 ราย จากปีก่อนอยู่ที่ 200 ราย
ในช่วงครึ่งหลังปีนี้บริษัทคาดว่าผลประกอบการจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นที่มีความต้องการใช้แป้งสาลีเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีงานเทศกาลต่าง ๆ ค่อนข้างมาก โดยบริษัทยังคงมั่นใจว่าจะใช้กำลังการผลิตได้ในอัตรา 75% แม้ครึ่งปีแรกจะใช้กำลงการผลิตเฉลี่ยเพียง 71.26%
"ปีนี้เรามั่นใจว่ากำไรสุทธิจะเติบโตได้ตามเป้าหมายหากเทียบกับปี 59 แต่หากเทียบกับปี 60 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ 105.49 ล้านบาท ยังคงต้องลุ้นอยู่ว่าครึ่งปีหลังจะดีมากแค่ไหน โดยในช่วงปี 60 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่พิเศษมาก ๆ เนื่องจากเราได้ต้นทุนของข้าวสาลีค่อนข้างต่ำ แต่ราคาขายเราก็ยังทรงตัว แต่ในปีนี้ราคาวัตถุดิบเราขึ้นมาจากปีก่อนราวๆ 7% แต่เราก็ไม่ได้ปรับราคาขายขึ้นเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ถือว่าผิดปกติอะไรเพราะราคาวัตถุดิบในปัจจุบันถือว่าเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้วเมื่อเทียบกับปี 60 ที่ผ่านมา"นางสาวแววตา กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเลือกผู้รับเหมาที่จะเข้ามาทำระบบออโตเมชั่นเฟสที่ 2 ในโรงงานผลิต โดยปัจจุบันมีผู้เข้ามาเสนอราคาราว 10 ราย ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาถึงมูลค่าการลงทุน และประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุนดังกล่าว เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท และจะได้ข้อสรุปการลงทุนได้ในช่วงปลายปีนี้ และเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะเข้ามาช่วยให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น และลดการใช้แรงงานคนลงด้วย