(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้เสี่ยงปรับฐาน หลังยังไร้ปัจจัยบวก-มีความไม่แน่นอนในสงครามการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 4, 2018 09:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสเสี่ยงปรับฐาน เนื่องจากตลาดฯไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา ขณะที่ยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องสงครามการค้า ซึ่งทางสหรัฐฯจะมีการเจรจาการค้ากับแคนาดาในวันที่ 5 ก.ย.นี้ และยังต้องติดตามการประชาพิจารณ์ของสหรัฐฯในเรื่องการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนด้วย ซึ่งต่างก็เป็นปัจจัยกดดันให้กับตลาดฯ

นอกจากนี้ ความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (FX) ในตลาดเกิดใหม่ ทำให้ Fund Flow ยังไหลออกอยู่ และวอลุ่มเทรดโดยรวมที่บาง ทำให้เกิดโอกาสในการปรับฐานได้

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,710 จุด ส่วนแนวต้าน 1,725 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กวานนี้ (3 ก.ย.61) ปิดทำการเนื่องในวันแรงงานของสหรัฐ
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 32.67 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.08 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 93.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 17.17 จุด, ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.62 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.83 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 10.46 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ก.ย.61) 1,721.21 จุด ลดลง 0.37 จุด (-0.02%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,840.65 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ก.ย.61
  • ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ (3 ก.ย.61) เนื่องในวันแรงงานของสหรัฐ
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ก.ย.61) ที่ 6.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.67 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ จับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ปลายสัปดาห์นี้
  • รมว.พาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "เปิดประตู สู่จีนใต้" ภายในงานสัมมนา ผ่าขุมทรัพย์แดนจีนใต้ รู้ก่อน รวยก่อน ว่า การส่งออกของไทยในปีนี้ มีโอกาสที่จะโตเกิน 8% ได้อย่างแน่นอน และมีโอกาสเติบโตได้ถึง 9% ใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่สูงมากเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีฐานการเติบโตสูงถึง 9% ส่วนหนึ่งได้รับแรงส่งจากการส่งออกไปยังประเทศจีนที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • หัวหน้าทีมประสานโครงการรถไฟความเร็วสูง บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยว่า ซีพีกำลังอยู่ระหว่าง การศึกษาโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบิน คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา ระยะทาง 220 กม. มูลค่ากว่า 2.24 แสนล้านบาท ซึ่งมีกำหนด ยื่นซองประมูลในวันที่ 12 พ.ย.นี้
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน ส.ค. 2561 เท่ากับ 102.27 สูงขึ้น 1.62% เทียบกับเดือน ส.ค. 2560 ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 และเมื่อเทียบกับเดือน ก.ค. 2561 เงินเฟ้อสูงขึ้น 0.26% ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.) 2561 เพิ่มขึ้น 1.12%
  • ตลาดหลักทรัพย์ฯเดินหน้า ตรวจสอบโบรกเกอร์ทุกราย หวั่นปล่อยให้ ลูกค้าฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ พร้อมสั่งปรับบล.เอเชีย เวลท์ 5.85 ล้านบาท หลังปล่อยลูกค้า ต่างประเทศขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นนั้นอยู่ในความครอบครอง
  • ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ (EIC) ได้ปรับเป้าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีนี้เหลือ 1.1% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.3% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มจะชะลอลงจากฐานสูงของราคาน้ำมัน ขณะที่ราคาอาหารสดยังมีแนวโน้มถูกกดดันจากปริมาณผลผลิตที่ยังสามารถออกสู่ตลาดได้มาก จากสภาวะอากาศที่เอื้ออำนวย
  • รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน ส.ค.2561 ว่า ปรับลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อยจากระดับ 52 มาอยู่ที่ระดับ 51.4 จากดัชนีการลงทุนและการจ้างงานที่ลดลงเป็นสำคัญ แต่ดัชนีองค์ประกอบเกือบทุกด้านยังคงอยู่เหนือระดับ 50

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TK (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 14 บาท ได้ Sentiment บวกจากรายงานยอดขายรถมอเตอร์ไซต์เดือนส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 171,490 คันเพิ่มขึ้น 4%yoy นับเป็นการเพิ่มขึ้น yoy เป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
  • SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 20 บาท เช้านี้มีประชุมนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน คาดว่าจะทำให้ตลาดเข้าใจถึงงบ Q2/61 ที่ชะลอชั่วคราว และแนวโน้ม H2/61 ที่จะกลับมาโตเด่นมากขึ้น โดยมีแรงหนุนทั้งสินค้าของ Apple และ Synergy ที่จะเกิดร่วมกับ BAF โดยคาดกำไรทั้งปีนี้ 750 ล้านบาท +20% Y-Y และปีหน้า 884 ล้านบาท +18% Y-Y ด้าน PE2561-62 เพียง 11-13 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังของตัวเองที่ 16 เท่า และค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 20 เท่าอยู่มาก
  • KTB (ไอร่า)"โอกาสในการสะสม"แม้คาดสินเชื่อจะเติบโตไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน แต่ภายใต้นโยบายของ KTB ที่ต้องการปรับลดสินเชื่อที่มีความเสี่ยง เช่น สินเชื่อโรงสี และสินเชื่อสหกรณ์ เป็นต้น ทำให้คาดกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่น โดยคาดจากสำรองหนี้ 32,000 ล้านบาท ลดลงจาก 44,000 ล้านบาท เมื่อปี 60 (รวมสำรองหนี้ EARTH จำนวน 12,000 ล้านบาท) ขณะที่ KTB ตั้งเป้าหมายสำรองหนี้ในปี 61 ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ทำให้คาดกำไรสุทธิ +39% อยู่ที่ประมาณ 31,100 ล้านบาท พร้อมคาดเงินปันผล 0.89 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ประมาณ 5.12% อีกทั้งคาดผลประกอบการยังมี Upside หากการประมูลขายที่ดิน AQ สำเร็จ คาด KTB มีกำไรพิเศษ 8,500 ล้านบาท (EPS ประมาณ 0.60 บาท) คาดเพิ่ม Target Price อีก 0.40 บาท อย่างไรก็ตามยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ