EPG คาดได้ข้อสรุปร่วมทุนธุรกิจ Aeroklas ในแอฟริกา ภายในปีนี้ หวังเจาะตลาดแอฟริกา-ยุโรป,เล็งส่งบ.ย่อยเข้าตลาดหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 4, 2018 17:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการร่วมทุนในธุรกิจ ชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeroklas กับพันธมิตรในแอฟริกา เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในแอฟริกา และยุโรป ซึ่งเป็นประเทศที่มีเงื่อนไขสิทธิพิเศษทางภาษี โดยบริษัทจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้

นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะนำธุรกิจในกลุ่ม Aeroklas เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากมีโอกาสการเติบโตสูง โดยปัจจุบันมีรายได้ของทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เฉลี่ย 4 พันล้านบาท และคาดว่าหากรายได้ถึงระดับ 8 พันล้านบาทจะช่วยสร้างความมั่งคงให้กับธุรกิจและมีโอกาสการเข้าจดทะเบียน ซึ่งเบื้องต้นสนใจจะนำ TJM Products Pty Ltd (TJM) เข้าจดทะเบียน

สำหรับการดำเนินงานของธุรกิจ Aeroklas ในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตได้ดี มีการขยายตลาดในต่างประเทศ ทั้งในประเทศมาเลเซีย ประเทศจีน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประเภทพื้นปูกระบะ (Bed Liner)/ หลังคาครอบกระบะ (Canopy) และบันไดข้างรถกระบะ (Sidestep) ที่มีความต้องการใช้สูงขึ้นตามการขยายตัวของตลาดรถยนต์

โดย TJM และ Flexiglass Challenge Pty.Ltd (Flexiglass) ซึ่งเป็นช่องทางจัดจำหน่ายที่สำคัญของ Aeroklas มีการขยายตลาดในประเทศออสเตรเลียอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน TJM มีสาขา (Corporate Store) 3 แห่ง ตั้งอยู่ที่ Perth 2 แห่ง และ Brisbane 1 แห่ง ในประเทศออสเตรเลีย ทำให้มีร้านค้าภายใต้แบรนด์ TJM จำนวน 64 แห่ง ในขณะที่ Flexiglass มีสาขา (Corporate Store) 5 แห่ง และ ช่องทางการจัดจำหน่ายกว่า 100 แห่ง ในประเทศออสเตรเลีย

ทั้งนี้ ธุรกิจภายใต้แบรนด์ Aeroklas เป็น 1 ใน 3 ของกลุ่มธุรกิจหลัก ซึ่งรวมถึง ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะเติบโตจากตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และ ญี่ปุ่น มีความต้องการใช้สูงขึ้นต่อเนื่อง โดย Aeroflex ได้ลงทุนปรับปรุงไลน์การผลิตในสหรัฐฯ ใช้เครื่องจักรอัตโนมัติความเร็วสูง เนื่องจากเห็นโอกาสการเติบโตในสหรัฐฯ จากความต้องการใช้สินค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงต้องการลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิต และจะทยอยปรับปรุงไลน์การผลิตใหม่เพิ่มเติมในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า สำหรับประเทศไทยได้ลงทุนขยายโรงงานใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 62

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา EPP ลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตโดยใช้เครื่องจักรอัตโนมัติความเร็วสูง จึงทำให้ปัจจุบันมีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ อีกทั้ง EPP ได้รับการรับรองมาตรฐานความสะอาด ความปลอดภัยทางด้านอาหารจากองค์กรชั้นนำหลายแห่งทั่วโลก จึงได้นำจุดแข็งเหล่านี้มาใช้เป็นเครื่องมือผลักดันธุรกิจ โดยใช้ประโยชน์จากเครื่องจักรให้ได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น และเริ่มรุกตลาดส่งออกและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น เพื่อลดการพึ่งพิงตลาดค้าปลีกที่ยังฟื้นตัวได้ช้า รวมถึงเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ โดยภายในปีนี้จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ประมาณ 4-5 กลุ่มผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์อาหาร (Food Packaging) แบบใหม่จำนวนมาก

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Aeroklas 49% EPP 22-27% และ Aeroflex 24% ซึ่งหากแบ่งสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศของพอร์ตรวมจะมีรายได้ต่างประเทศอยู่ที่ 60% และในอนาคตคาดว่าจะเติบโตมากขึ้นอีก เพราะเห็นโอกาสการเติบโตในหลายประเทศเพิ่มขึ้น

นายเฉลียว กล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 61/62 (เม.ย.61-มี.ค.62) มั่นใจรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่ 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 9.6 พันล้านบาท สำหรับทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 (ก.ค.-ก.ย.61) มีแนวโน้มที่ดีกว่าช่วงไตรมาส 1 โดยเป็นช่วงที่มีกำลังซื้อที่ค่อนข้างมากและเติบโตได้ดี ซึ่งบริษัทเน้นกลยุทธ์การขยายตลาดไปยังต่างประเทศ และวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสร้าง New S-Curve ของบริษัท รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตสินค้าเพื่อลดต้นทุน

ส่วนแผนการเข้าซื้อกิจการบริษัทยังศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นในธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ ธุรกิจที่มีโอกาสสร้างฐานลูกค้า และธุรกิจอื่นๆที่มีโอกาสการเติบโต โดยมูลค่าธุรกิจอยู่ที่ขนาด 1 พันล้านบาท แต่ยังไม่สามารถประเมินช่วงเวลาการสรุปดีลได้

สำหรับฐานะทางการเงินของบริษัทปัจจุบันอยู่ในระดับแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสะสมถึง 3.5 พันล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) 0.29 เท่า นอกจากนี้มีหุ้นกู้ที่ขออนุมัติผู้ถือหุ้นไว้ 2 พันล้านบาท รองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ