หุ้น TPLAS ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 2.76 บาท เพิ่มขึ้น 1.28 บาท (+86.49%) จากราคาขาย IPO ที่ 1.48 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 548.63 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 3.02 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.18 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.66 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมเบื้องต้นของ บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) หรือ TPLAS อยู่ที่ 1.66 บาท สำหรับปี 2562 อ้างอิง PER ที่ 15 เท่า โดยเทียบจากบริษัทที่ประกอบธุรกิจคล้ายกันเช่น MBAX, TPBI, THIP โดยมองว่าด้วยอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง ทำให้มองว่าโอกาสในการเติบโตของ TPLAS ทำได้ยาก ในขณะที่บริษัทที่มีธุรกิจใกล้เคียงกันในตลาดมีสภาพคล่องในการซื้อขายที่ค่อนข้างต่ำมูลค่าการซื้อขายไม่ถึง 10 ล้านบาทต่อวัน (ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา) แต่เป็นกลุ่มที่มีเงินปันผลค่อนข้างสูงราว 3% (ณ ราคาปัจจุบัน คาดเงินปันผลของ TPLAS ที่ราว 2.2%)
TPLAS ดำเนินธุรกิจผลิตถุงพลาสติก โดยใช้ตราสินค้า "หมากรุก" ซึ่งเน้นผลิตภัณฑ์ถุงที่ผลิตจากโพลีโพรพิลีน (PP), โพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE) และผลิตภัณฑ์ห่ออาหารประเภทโพลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) ใช้ตราสินค้า "Vow wrap" โดยที่รายได้หลักกว่า 50% มาจากการจำหน่ายถุงที่ผลิตจาก PP, 36% จากถุงที่ผลิตจาก HDPE และ 12% จากฟิล์มยืดหุ้มอาหาร
กลุ่มลูกค้าของบริษัทคือพ่อค้า, แม่ค้าในตลาดสด, ชาวสวน, เกษตรกร และในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อใช้ในการบรรจุ และการถนอมอาหาร สำหรับช่องทางการจำหน่ายบริษัทใช้การจำหน่ายผ่านผู้ค้ารายใหญ่และลูกค้าอุตสาหกรรมเป็นหลักเพื่อให้สามารถส่งมอบต่อลูกค้ารายย่อยจำนวนมากได้ ในขณะที่อุตสาหกรรมผลิตถุงเป็นลักษณะที่มีการแข่งขันสูง เนื่องจากมีโรงงานทั่วประเทศกว่า 5 พันแห่ง และใช้เงินลงทุนที่ไม่สูง
โครงการอนาคต บริษัทมีแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นมูลค่า 156.5 ล้านบาท ประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้ 1) บริษัทมีแผนที่จะสร้างอาคารโรงงานใหม่บนพื้นที่ดินเดิมของบริษัท โดยลักษณะเป็นอาคาร 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 4.2 พันตารางเมตร ใช้สำหรับติดตั้งเครื่องจักรผลิตถุงพลาสติก และเป็นคลังสินค้า 2) บริษัทมีโครงการลงทุนต่อเติมอาคารโรงงานเดิมเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในส่วนของการผลิตถุงพลาสติก และส่วนสำนักงาน และ 3) บริษัทอยู่ระหว่างการจัดหา และซื้อเครื่องจักรที่มีกำลังการผลิต 200 ตันต่อเดือน