นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บางกอก เดค-คอน (BKD) , นาย Sai Ywet กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไดมอนด์ โรส ไมน์นิ่ง จำกัด กรรมผู้จัดการและผู้บริหารโครงการลอยคำ เรสซิเดนเชียล คอมมูนิตี้ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองตองจี เมืองหลวงของรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ได้ร่วมกันลงนามความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกันในวันนี้ (5 ก.ย.) โดย BKD จะเข้าไปรับงานตกแต่งภายในและงานสถาปัตย์มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาทในโครงการลอยคำฯ เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มเข้าไปทำบ้านตัวอย่างแล้ว และคาดว่าสิ้นปีจะเริ่มเข้าไปดำเนินการเฟสแรก
นางนุชนารถ คาดว่าจะรับรู้รายได้จากงานในเมียนมาราว 1 พันล้านบาท/ปี เริ่มตั้งแต่ปี 62 และต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี
"การที่เราเข้าไปเป็นพันธมิตรรับงานตกแต่งในครั้งนี้ เพราะเรามั่นใจว่าระบบการจัดการของบริษัทที่ใช้ระบบ Prefabrication ในการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นการผลิตเตรียมที่โรงงานเพื่อนำไปติดตั้งหน้างาน ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนและคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็เห็นศักยภาพการเติบโตของการลงทุนและกำลังซื้อที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในประเทศเมียนมาร์ "นางนุชนารถ กล่าว
โครงการลอยคำฯ เป็นโครงการบ้านที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเพียงแห่งเดียวในทำเลที่ดีที่สุด มีการคัดสรรวัสดุและดูแลการก่อสร้างอย่างเข้มข้น มีการศึกษาตลาดและมั่นใจว่าตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบถ้วน โครงการมีจำนวนกว่า 140 ยูนิต แบ่งออกเป็น 5 โซน รวมมูลค่าโครงการกว่า 8 พันล้านบาท โดยจะเริ่มเฟสแรกในต้นปี 62 เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนในประเทศเมียนมา
นางนุชนารถ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ มั่นใจว่ากำไรจากการดำเนินงานจะเติบโตเมื่อเทียบกับระดับ 63 ล้านบาทในปีก่อน แต่ในส่วนของรายได้ปีนี้อาจจะเติบโตเพียง 10% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตราว 20% เนื่องจากหันมาเน้นรับงานที่มีมาร์จิ้นสูง และมีความชำนาญ ขณะที่มีงานในมือ (Backlog) 2 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 40% และยังอยู่ระหว่างเข้าร่วมประมูลงานใหม่ ทั้งในส่วนของโรงแรม และโรงพยาบาล มูลค่าราว 500 ล้านบาท คาดจะมีความชัดเจนภายใน 2 เดือน
"ก่อนหน้าเราไปเน้นในส่วนของรายได้ แต่ตอนนี้เราจะหันมาเน้นการรับงานที่มีมาร์จิ้นดีขึ้น และเป็นงานที่เรามีความชำนาญ ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของกำไรจากการดำเนินงานเติบโตได้ดีจากปีก่อน โดยจะเห็นจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีกำไรแล้วถึง 121 ล้านบาท"นางนุชนารถ กล่าว
นางนุชนารถ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับงานตกแต่งในเมียนมาครั้งนี้ จะส่งผลให้บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบัน 5-10% จากการรับรู้รายได้การรับงานในประเทศกัมพูชา พร้อมกันนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาและเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปรับงานใน สปป.ลาว เพิ่มเติมใน 2 ปีข้างหน้า
ส่วนธุรกิจน้ำประปา คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยบริษัทจะใช้เงินลงทุนราว 600 ล้านบาท เข้าไปถือหุ้น 40% ในบริษัท โกลด์ ชอร์ส (GS) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาส่งให้พื้นที่บางส่วนของจังหวัดภูเก็ต และบางส่วนของจังหวัดพังงา โดยไตรมาส 4 คาดจำหน่ายน้ำประปาเชิงพาณิชย์ได้ 6,000 ลูกบาศก์เมตร และในปี 62 หากจำหน่ายน้ำประปาได้ตามแผน 24,000 ลูกบาศก์เมตร จะสร้างรายได้ 40 ล้านบาท/ปี
ทั้งนี้ บริษัทได้รับเงินจากการเพิ่มทุน 300 ล้านบาท จากการขายหุ้นให้นักลงทุนในวงจำกัด (PP) อย่างบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) และในอนาคตก็มีโอกาสที่จะร่วมกันทำงานร่วมกัน หลังจากที่บมจ.ยู ซิตี้ (U) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม BTS มีแผนจะก่อสร้างโรงเรียนนานาชาติในทำเลชานเมือง ก็จะทำให้บริษัทมีโอกาสจะได้รับงานตกแต่งภายในด้วย