นายสมคิด จิรานันตรัตน์ ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (Kasikorn Business-Technology Group- KBTG) ในเครือธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมที่จะเสนอคณะกรรมการของธนาคารในเดือนต.ค.ที่จะถึงนี้เพื่อของบลงทุนระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับปริมาณการทำธุรกรรมของลูกค้าให้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะของบลงทุนเพิ่มอีก 1 พันล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาระบบให้รองรับปริมาณการทำธุรกรรมเพิ่มเป็น 50,000 รายการ/วินาที ภายในสิ้นปี 62 จากปัจจุบันที่ระบบของธนาคารรองรับปริมาณาการทำธุรกรรมได้สูงสุด 6,000 รายการ/วินาที และในเดือนต.ค.ที่จะถึงนี้จะสามารถรองรับปริมาณการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 รายการ/วินาที
ทั้งนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ความขัดข้องของระบบที่เกิดขึ้นในวันที่ 31 ส.ค. 61 มาจาก KBANK ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาดูแลระบบของธนาคารหลังจากพบ Spike ในช่วงเวลา 6.30 น. และเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาดูแลระบบนั้นได้มีการทำงานผิดพลาดขึ้น ทำให้ระบบ ITMX เกิดการ error ขึ้น และกระทบไปถึงธนาคารอื่น ๆ เพราะระบบ ITMX พบ Error code จากการทำธุรกรรมที่มีการใส่เลขที่บัญชีผิด ซึ่งลูกค้าได้ใส่เบอร์มือถือในช่องเลขที่บัญชี ซึ่งมีจำนวนธุรกรรมที่เป็นแบบนี้ 40,000 รายการ ซึ่งมาจากธนาคารเป็นต้นเหตุ ซึ่งธนาคารได้มีการแก้ไขและย้ายระบบจาก ITMX ไป PPC ทำให้ระบบการทำธุรกรรมของธนาคารกลับมาใช้งานได้ในช่วง 11.05 น. ของวันที่ 31 ส.ค. 61 ส่วนกรณีที่มีปริมาณการทำธุกรรมของลูกค้าในช่วงสิ้นเดือนและต้นเดือนเป็นจำนวมาก ทำให้ระบบไม่สามารถรองรับได้นั้น ธนาคารยืนยันว่าระบบของทุกธนาคารสามารถรองรับปริมาณการทำธุรกรรมได้เพียงพอ ซึ่งในอุตสาหกรรมสามารถรองรับปริมาณทำธุรกรรมได้เฉลี่ย 6,000-10,000 รายการ/วินาที แต่ปัจจัยที่ทำให้ระบบเกิดความขัดข้องที่ต้องระวัง คือ Time out ที่ส่วนใหญ่เป็นสาเหตุหลักที่อันตรายมากที่สุด ที่หากเกิดกับธนาคารหนึ่งจะส่งผลกระทบไปสู่ธนาคารอื่นๆได้ เพราะระยะเวลาการรอการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นหากเกินระยะเวลาการรอ 30 วินาที จะทำให้ระบบไม่สามารถทำงานได้ และหากลูกค้ามีการกดทำธุรกรรมซ้ำๆ จะส่งผลให้เกิดความขัดข้องของระบบได้