(เพิ่มเติม) ตลท. จับมือเคลียร์สตรีมฯเชื่อมต่อระบบซื้อขายผ่าน FundConnext เปิดโอกาสนลท. 56 ปท.เข้าลงทุนกองทุนรวมไทย คาดเริ่มต้นปี 62

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 6, 2018 13:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเชื่อมต่อ "FundConnext" แพลตฟอร์มกลางสำหรับกองทุนรวมไทย กับ "Vestima" แพลตฟอร์มซื้อขายกองทุนทั่วโลกของบริษัท เคลียร์สตรีมแบงกิ้ง (Clearstream Banking S.A.) ซึ่งเป็นศูนย์ฝากหลักทรัพย์ระหว่างประเทศระดับโลก

นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของตลาดทุนไทยที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนใน 56 ประเทศทั่วโลกสามารถเข้ามาลงทุนในกองทุนของไทยได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เป็นโลกการลงทุนที่ไร้พรมแดนอย่างแท้จริง ตามเป้าหมายที่จะสร้างจุดเปลี่ยนตลาดทุนจากการมีแพลตฟอร์มที่ต่อยอดโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ร่วมตลาด พร้อมตอกย้ำจุดยืนการเป็นตลาดทุนระดับสากลที่โดดเด่นในเวทีโลก

"เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยที่มีการเชื่อมต่อการลงทุน เปิดประตูรับการลงทุนจาก 56 ประเทศทั่วโลกสู่กองทุนรวมไทยอย่างไร้พรมแดน"

การเชื่อมต่อระบบซึ่งคาดว่าจะเริ่มในช่วงต้นปี 2562 จะเป็นพัฒนาการก้าวสำคัญอีกครั้งของ "FundConnext" หลังจากการเปิดให้บริการในปี 2560 เป็นระบบกลางที่ผู้ร่วมตลาดสามารถเข้ามาใช้งานเพื่อติดต่อระหว่างกันอย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อมต่อได้สะดวกมากยิ่งขึ้น (open architecture) ซึ่งปัจจุบันมี บลจ. ไทย 15 ราย และบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน 16 รายใช้งานและจะมีผู้ใช้จำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

"ผู้ลงทุนต่างชาติมีความสนใจที่จะลงทุนในกองทุนรวมของไทยอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับความสนใจลงทุนในประเทศไทยและอาเซียนที่มีอัตราการเติบโตสูง ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยมีขนาดประมาณ 4.6 ล้านล้านบาทและเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งด้านจำนวนและความหลากหลายของกองทุน จึงทำให้เกิดความร่วมมือครั้งนี้ โดยในระยะแรกจะให้บริการในการรับคำสั่งซื้อขายหน่วยลงทุน และชำระราคาค่าซื้อขายหน่วยลงทุนสำหรับผู้ลงทุนต่างชาติที่จะลงทุนในกองทุนของไทย" นายภากร กล่าว

ด้านนาย Philippe Seyll ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และ Head of Investment Funds Services บริษัท เคลียร์สตรีมแบงกิ้ง กล่าวว่า การเชื่อมโยงกับ "FundConnext" อยู่ภายใต้กลยุทธ์ที่จะขยายเครือข่ายการเชื่อมโยงการลงทุนให้ครอบคลุมกองทุนในภูมิภาคเอเชีย เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนทั่วโลกสามารถเข้าถึงกองทุนรวมของประเทศไทยได้อย่างสะดวก

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลดาหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า "FundConnext" เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างกันของภาคตลาดทุนไทยเพื่อส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมกองทุนรวม โดยสร้างมาตรฐานให้กระบวนการซื้อขายหน่วยลงทุน เอื้อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ โดยสำนักงาน ก.ล.ต. พร้อมสนับสนุนด้านกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และเชื่อว่าความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ กับเคลียร์สตรีมจะขับเคลื่อนการเติบโตระยะยาวให้กับตลาดทุนไทย

สำหรับความร่วมมือกับบริษัทเคลียร์สตรีมแบงกิ้งที่เป็นบริษัทระหว่างประเทศในครั้งนี้จะทำให้ตัวแทนขายกองทุนได้รับความสะดวกในการขายกองทุนผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าวได้ อีกทั้งนักลงทุนไทยสามารถเลือกกองทุนที่สนใจได้หลากหลายเช่นกัน จากปัจจุบันโครงการ "FundConnext" ของไทยเป็นระบบหลังบ้านของธุรกิจจัดการลงทุนและตัวแทนขายกองทุนหลาย ๆ แห่ง ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้เป็นการเชื่อมโยงระหว่าง "back office"

"บริษัทเคลียร์สตรีมแบงกิ้งมองเห็นโอกาสเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติมีความต้องการลงทุนในกองทุนไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการต้องการลงทุนของกองทุนหรือ "Fund to Fund" ที่ต้องการขยายหน่วยลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น"

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยว่า การร่วมมือระหว่างตลท.และก.ล.ต. มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้อุตสาหกรรมกองทุนเติบโต ซึ่งโครงการ "FundConnext" ของตลท.ถือเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญในการกระจายตัวให้กับอุตสาหกรรม โดยการร่วมมือกับบริษัทเคลียร์สตรีมแบงกิ้งในครั้งนี้เป็นการต่อยอดให้สามารถขยายการเติบโตไปยังตลาดต่างประเทศได้

"ปัจจุบันมีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในกองทุนไทยค่อนข้างน้อย นี่เป็นก้าวสำคัญในการเอากองทุนไปขายต่างประเทศ ซึ่งมีความต้องการจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาให้ความสนใจกองทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ว่าผลการดำเนินงานในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างดีหรือมีนักลงทุนไทยบางส่วนที่ย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศแต่ต้องการลงทุนในหุ้นไทย" นายวศิน กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยังมีการติดขัดในเรื่องของช่องทางการซื้อขายและกฎหมาย โดยจะต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำกฎหมายให้ชัดเจนและสอดคล้องกันในการซื้อขายกองทุนระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการคาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 1 เดือนข้างหน้า

นอกจากนี้มองว่าแม้ในปีนี้อุตสาหกรรมกองทุนจะมีการเติบโตค่อนข้างทรงตัวจากปีก่อน แต่ยังมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ทำให้สัดส่วนผู้ถือหน่วยลงทุนมีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับผู้ฝากเงิน

ขณะที่ช่วงที่เหลือของปี 61 มองว่าแนวโน้มการเติบโตของกองทุนอยู่บนพื้นฐานที่ดี และการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาดีตามคาด อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามปัจจัยลบที่เข้ามากดดันภาพรวมของตลาด คือประเด็นวิกฤตค่าเงินในตลาดประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) ขณะที่ประเทศไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ดีกว่าประเทศอื่นเมื่อเทียบกับกลุ่ม ส่วนสงครามการค้าคาดว่าจะยังดำเนินต่อไปในลักษณะอย่างที่เป็นอยู่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ