โบรกฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) โดยได้รับสัญญาณที่ดีจากผู้บริหารให้ภาพคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่ง สะท้อนอุปสงค์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของโลกที่ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ขณะที่ช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนบริษัทเข้าเยี่ยมชม HANA มากกว่าปีก่อนถึง 33% และจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมมากขึ้นถึง 54% บ่งบอกว่าลูกค้าให้ความสนใจกับ HANA มากขึ้น
ขณะเดียวกันที่ผ่านมามีลูกค้าหลายรายของ HANA ที่ควบรวมกิจการกับเจ้าอื่น จึงมีคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นที่กำลังจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าแล้ว และปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบไม่มีผลกระทบแล้ว และกำลังการผลิตเองก็ไม่มีปัญหาเนื่องจากทางบริษัทได้ขยายพื้นที่โรงงานที่ลำพูนและอยุธยาเพื่มเติม
ราคาหุ้น HANA ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 41.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ +1.86% ขณะที่ SET -0.12%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาพื้นฐาน (บาท) ทิสโก้ ซื้อ 44.50 ทรีนีตี้ ซื้อ 44.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 45.00 เคทีบี(ประเทศไทย) ซื้อ 47.00 ดีบีเอส วิดเคอร์ส(ประเทศไทย) ซื้อ 43.50 เคจีไอ(ประเทศไทย) ซื้อ 45.00 กสิกรไทย ซื้อ 45.00
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ได้ปรับราคาเป้าหมายหุ้น HANA ขึ้นเป็น 45 บาท จากเดิม 44 บาท หลังจากมีสัญญาณที่ดีจากบริษัทออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มมีคำสั่งซื้อ Sensor สำหรับสมาร์ทโฟนจีนที่กลับมา และการได้ส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มจากคุณภาพการผลิตของบริษัทที่ปรับดีขึ้น
บริษัทมองทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบไม่มีผลกระทบแล้ว และกำลังการผลิตเองก็ไม่มีปัญหาเนื่องจากทางบริษัทได้ขยายพื้นที่โรงงานที่ลำพูนและอยุธยาเพื่อมเติม
ส่วนของข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศจีน และสหรัฐ นั้น มีผลกระทบกับ HANA เฉพาะการประกาศตั้งกำแพงภาษีรอบที่ 2 มูลค่า 16,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าประเทศจีนเองจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นและจะหาลูกค้าใหม่มาทดแทนได้
"หลังจากที่ประชุมนักวิเคราะห์มา เรามีมุมมองเชิงบวกต่อบริษัทค่อนข้างมาก จึงได้ปรับราคาเป้าหมายขึ้น ส่วนความกังวลที่ทางสหรัฐจะมีการประกาศกำแพงภาษีรอบใหม่ มูลค่า 2 แสนล้านบาท จะไม่ได้เป็นผลกระทบต่อ HANA แต่ที่มีผลกระทบจริงเป็นก้อน 16,000 ล้านมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามยังคงเชื่อว่าทางประเทศจีนจะหาลูกค้าใหม่มาทดแทน และแก้ปัญหาดังกล่าวได้"นายประกิต กล่าว
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผู้บริหารยังให้ภาพคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่ง สะท้อนอุปสงค์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของโลกที่ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของ IC ที่บริษัทได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการควบรวมกิจการของหลายบริษัทในตลาดอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบราว 12-18 เดือนที่แล้ว ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้หลังจากนี้เป็นต้นไป บริษัทได้รับคำสั่งซื้อในสินค้ากลุ่ม Smart Phone ที่เป็นแบรนด์ในจีนเข้ามาแล้ว คาดว่าจะรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบแม้ยังมีอยู่ แต่ผลกระทบต่อ Lead Time ค่อนข้างนิ่งแล้ว และเริ่มเห็นสัญญาณการขยายกำลังการผลิตของผู้ผลิตชิ้นส่วนในกลุ่ม Passive Components น่าจะช่วยให้สถานการณ์ปรับตัวดีขึ้นในระยะถัดไป
ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า อุปสงค์ IC และ PCBA ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง ขณะที่เงินบาทกลับมาอ่อนค่า ทั้งนี้ผู้บริหารเปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนบริษัทเข้าเยี่ยมชม HANA มากกว่าปีก่อนถึง 33% และจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมมากขึ้นถึง 54% บ่งบอกว่าลูกค้าให้ความสนใจกับ HANA มากขึ้น ในขณะเดียวกันที่ผ่านมามีลูกค้าหลายรายของ HANA ที่ควบรวมกิจการกับเจ้าอื่น จึงมีคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นที่กำลังจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
สำหรับปัจจัยเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนยังคงไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจาก HANA มีฐานการผลิตทั้งในไทย จีน และกัมพูชา ซึ่งมีลูกค้าสนใจที่จะย้ายฐานมายังกัมพูชามากขึ้น นอกจากนี้สัดส่วนสินค้าที่ HANA ส่งออกไปสหรัฐ จากจีนคิดเป็นเพียง 5% ของจำนวนที่ส่งออกทั้งหมด และที่ผ่านมามีลูกค้ารายเดียวที่ถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่ม