นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในเดือน ส.ค.61 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับทิศทางของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ในอาเซียน โดยผลกระทบจากความเปราะบางของเศรษฐกิจตุรกีอยู่ในวงจำกัด ซึ่งมีผลต่อการลงทุนน้อยกว่าเหตุการณ์การขึ้นดอกเบี้ยในสหรัฐฯ และความขัดแย้งทางการค้าในช่วงก่อนหน้านี้มาก นอกจากนี้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส 2/61 ที่ประกาศออกมาในเดือน ส.ค.สะท้อนให้เห็นการเติบโตอย่างชัดเจนของเศรษฐกิจไทยโดยทุกปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างดี และเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยในระยะต่อไป
ขณะที่ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยในเดือน ส.ค.61 ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทย 10,684 ล้านบาทชะลอตัวจากช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ต่ำกว่ามูลค่าขายสุทธิเฉลี่ยในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่ตลาดตราสารหนี้ของไทยที่ผู้ลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินบาทไทยที่มีเสถียรภาพมากกว่าเงินของประเทศเกิดใหม่สกุลอื่น
ณ สิ้นเดือน ส.ค.61 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ณ สิ้นเดือน ส.ค.61 ปิดที่ 1,721.58 จุด เพิ่มขึ้น 1.2% จากสิ้นเดือนก่อน ในขณะที่ปรับตัวลดลง 1.8% จากสิ้นปี 60 อย่างไรก็ตาม กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มเทคโนโลยีให้ผลตอบแทนมากกว่า SET Index
ขณะที่ Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย อยู่ที่ระดับ 15.96 เท่า ขณะที่ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.98 เท่าซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.14 เท่า และ 14.97 เท่า ตามลำดับ อัตราเงินปันผลตอบแทน อยู่ที่ระดับ 3.05% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียที่อยู่ที่ 2.81% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 17.7 ล้านล้านบาท ลดลง 1.3% จากสิ้นปี 60 ตามทิศทางดัชนี
มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai ในเดือน ส.ค.61 อยู่ในระดับสูงที่ 50,132 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในเดือน ส.ค.61 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 333,240 สัญญา ซึ่งลดลง 11.1% จากเดือนก่อน มาจากการซื้อขาย SET50 Index Futures และ Single Stock Futures ที่ลดลงเป็นหลัก