นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน ในช่วงเช้าวันนี้ กรณี บมจ.ปตท. (PTT) ประกอบธุรกิจที่เสี่ยงขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 75 "เอาเปรียบประชาชน" ใช้ความได้เปรียบจากความเป็นรัฐวิสาหกิจแข่งขันโดยตรงกับเอกชนรายย่อย
ทั้งนี้ ในหนังสือดังกล่าว ระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณชนว่าคณะกรรมการ PTT มีมติให้ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ PTT เตรียมการเข้าซื้อหุ้นของ บมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการผลิต และจำหน่ายกระแสไฟฟ้า โดยซื้อหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในจำนวนประมาณ 69%
โดยเรื่องการซื้อหุ้นดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาตของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ตามมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 ประกอบระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อมิให้มีการรวมกิจการอันก่อให้เกิดการผูกขาด ลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขันในการให้บริการพลังงาน พ.ศ.2552
กรณีนี้ทางทีมนโยบายพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า การกระทำของ PTT และผู้เกี่ยวข้องมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ซึ่ง กระทบต่อประโยชน์สาธารณะให้ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง และหากคณะกรรมการกำกับกิจการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานพิจารณาอนุญาตไปจะเป็นการฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
คณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ ขอยื่น 4 ข้อประสงค์เพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาดังนี้
1. ขอให้นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ PTT ในฐานะรัฐวิสาหกิจ ยกเลิก ความตั้งใจที่จะรุกคืบเข้าไปในธุรกิจการผลิตไฟฟ้าและยกเลิกแผนการซื้อหุ้น GLOW
2. ขอให้นายกรัฐมนตรีมีคำแนะนำต่อหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ ได้แก่ กกพ.ให้พิจารณาและวินิจฉัยว่าการกระทำของ PTT ที่มีความประสงค์ในเข้าไปดำเนินกิจการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วย รัฐธรรมนูญ มาตรา 75 วรรคหนึ่งและวรรคสอง, เป็นภารกิจที่อยู่นอกขอบวัตถุประสงค์ของ PTT จึงไม่มีอำนาจกระทำได้ทั้งยังมีลักษณะเป็นการผูกขาด ลดการแข่งขัน หรือจำกัดการ แข่งขันในการให้บริการพลังงาน ขัดต่อมาตรา 7 (3) และมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบ กิจการพลังงาน พ.ศ. 2550
3. ด้วยเงินที่ PTT โดย GPSC ใช้ในการซื้อหุ้นและควบรวมกิจการกับ GLOW เป็นเงินภาษีของ ประชาชน หากมีการชำระเงินดังกล่าวไปก่อนภายหลังหากปรากฏว่าการกระทำดังกล่าวขัดหรือแย้งกับ รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก็จะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชน ทั้งยังอาจมีบุคคลที่ต้องรับผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งจากการกระทำดังกล่าว เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้น ขอให้นายกรัฐมนตรีได้พิจารณาใช้อำนาจหน้าที่สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องหยุดหรือชะลอการชำระเงินในธุรกรรมดังกล่าวจนกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะวินิจฉัยชี้ขาดไปในทางหนึ่งทางใด
4. ขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณากำกับติดตามการดำเนินการตามสามข้อข้างต้นโดยเคร่งครัด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการด้วยความรวดเร็ว
นายกรณ์ กล่าวถึงสาเหตุที่เข้ายื่นหนังสือในวันนี้ว่า การดำเนินการดังกล่าวของ PTT อาจจะเป็นปัญหาในทางนโยบายและข้อกฎหมาย เนื่องจาก PTT เป็นผู้ค้าก๊าชรายเดียวการซื้อบริษัทพลังงาน อาจจะกลายเป็นการแข่งขันด้านการผลิตพลังงานที่ไม่เป็นธรรมและอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 75 ระบุว่า ห้ามภาครัฐทำธุรกิจแข่งกันเอกชน แม้จะมีข้อยกเว้นว่าสามารถดำเนินการได้กรณีจำเป็น เช่นการจัดหาเครื่องอุปโภค บริโภคและความมั่นคง แต่มองว่ากรณีนี้ไม่เข้าข่าย เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทเก่าไม่ได้สร้างขึ้นใหม่ และประเทศไทยมีความมั่นคงด้านพลังงานอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่ปตท.จะเข้าไปสร้างความมั่นคงด้านพลังงานเพิ่มเติม
ดังนั้น จึงขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ PTT ในฐานะรัฐวิสาหกิจทบทวนยกเลิกแนวนโยบายดังกล่าว เพราะการจัดซื้อ GLOW ต้องใช้เงินถึง 1 แสนล้านบาท และผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าวส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ PTT เป็นรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังถือหุ้นกึ่งหนึ่ง ดังนั้น วงเงินแสนล้านบาทควรนำไปทำอย่างอื่นที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่าการซื้อหุ้น
"หากรัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ ผมจะยื่นเรื่องต่อ กกพ.พิจารณาทบทวนเรื่องดังกล่าวด้วย ยืนยันการดำเนินการครั้งนี้ของผมไม่มีส่วนได้เสียใดๆและยังลำบากใจ เพราะมีผู้ใหญ่หลายคนที่เคารพอยู่ใน PTT การออกมาคัดค้านเป็นเรื่องสำคัญอยู่ในหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อให้ผู้มีอำนาจได้พิจารณา"นายกรณ์ กล่าว