นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า แนวคิดในการบริหารจัดการบริษัทในระยะเวลาประมาณ 2 ปีนับจากนี้ จะสานต่อการดำเนินงานตามกลยุทธ์ของ ปตท. ที่ได้วางไว้จากรุ่นสู่รุ่น โดยปรับปรุงการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความท้าทายต่างๆ ทั้งปัจจุบันและอนาคต ผ่านนโยบาย "CHANGE for Future of Thailand 4.0" มีองค์ประกอบ 6 ด้าน ได้แก่
Continuity สานต่อเพื่อความต่อเนื่อง เตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดยุทธศาสตร์สำหรับการดำเนินธุรกิจแบบ 3D คือ Do now, Decide now และ Design now
Honesty ความซื่อสัตย์ ความเที่ยงธรรม ผู้บริหารและพนักงานทุกคน ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ และดำเนินการอย่างมีจริยธรรมนำธุรกิจ คำนึงถึงประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียอย่างสมดุล
Alignment ขยายความร่วมมือ เพิ่มความมั่นคงและยั่งยืน ใช้ความเข้มแข็งจากภายใน ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ปตท. สร้างพลังร่วมเพื่อบูรณาการความเชี่ยวชาญ กระจายโอกาสการเติบโตออกสู่สังคมภายนอก
New Innovation Solution สร้างสรรค์สิ่งดีและสิ่งใหม่ หาธุรกิจที่เป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จใหม่ (New S-Curve) ของ ปตท. โดยนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และแนว ความคิดใหม่ มาสรรค์สร้างให้เกิดการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ
Good Governance กำกับดูแลดี มีประสิทธิภาพ ยึดมั่นการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เน้นความโปร่งใส เที่ยงตรง เป็นธรรม และตรวจสอบได้ โดยปรับปรุงบทบาทในการกำกับดูแลบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมให้มีประสิทธิผลมากขึ้นและคำนึงถึงผลประโยชน์ภาพรวมของกลุ่ม ปตท. ตลอดทั้งสายโซ่ธุรกิจ เพื่อรักษาความมั่นคงและมั่งคั่งทั้งในเรื่องของธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีที่สำคัญกับประเทศต่อไป
Excellence Team Work สร้างคนรุ่นใหม่ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง มุ่งพัฒนาพนักงานทุกรุ่นให้สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีม มีศักยภาพ ความกล้า และพร้อมรับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังต้องเป็นคนกล้าที่จะก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ๆ
"จากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมและความท้าทายในอนาคต ปตท. จำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่จะทำให้การดำเนินธุรกิจเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยการดำเนินงานโดยยึดหลักหลักธรรมาภิบาล มุ่งเป็นองค์กรตัวอย่างของประเทศไทย ร่วมเป็นหนึ่งในฟันเฟืองขับเคลื่อนประเทศให้บรรลุแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีที่วางไว้ และสอดรับกับกระบวนทัศน์ในการพัฒนาประเทศภายใต้ "ประเทศไทย 4.0" ซึ่งจะนำพาเศรษฐกิจให้ก้าวหน้า เป็นประโยชน์ต่อคนไทยทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับชุมชน สังคม และประเทศ โดย ปตท. มีเป้าหมายคือ ปตท. ต้องเป็นองค์กรแห่งความภาคภูมิใจ เน้นความโปร่งใส สู่ความยั่งยืน" นายชาญศิลป์ กล่าว
ทั้งนี้ ปตท. ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความยั่งยืน 3 ด้าน (3P) อย่างสมดุล คือ การทำธุรกิจควบคู่กับการดูแลชุมชนและสังคม (People) การอนุรักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (Planet) และเป็นฐานความมั่นคงให้แก่ภาคเศรษฐกิจและสังคมเติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน (Prosperity) เป็นประเทศไทยก้าวหน้าและมีความสุขต่อไป
นายชาญศิลป์ กล่าวอีกว่า นโยบาย CHANGE ของปตท. เพื่อเป็นการเตรียมตัวรองรับเทคโนโลยีพลังงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในระยะสั้น โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นจะเป็นการสร้างฐานเรื่องนวัตกรรมให้กับประเทศ โดยใช้พื้นที่เขตนวัตกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ในพื้นที่วังจันทร์วัลเล่ย์ จ.ระยอง เป็นฐาน
นอกจากนี้จะยังจะมุ่งเรื่องของธรรมาภิบาลที่จะไม่ให้มีเรื่องการทุจริต หลังจากก่อนหน้านี้ปตท.มีข่าวที่ค้างคาอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือกรณีวัตถุดิบหายของบริษัทในกลุ่มอย่าง บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) โดยปตท.เพิ่งตั้งหน่วยกำกับดูแลองค์กรและกิจการสัมพันธ์ (GRC) เพื่อมาดูแลองค์กรในกลุ่มปตท.เพื่อให้มีระบบดูแลอย่างครบถ้วนและเหมาะสม ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนในอดีต เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว ตลอดจนการเตรียมบุคลากร เพื่อขับเคลื่อนทรัพย์สินของกลุ่มปตท.ที่มีอยู่เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป