นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเช้าวันนี้คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ โดยที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาส่งผลต่อตลาด อีกทั้งยังต้องติดตามประเด็นของมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯต่อไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุน และติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นี้หรือไม่
ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียช่วงเช้านี้การเคลื่อนไหวมีทั้งปรับตัวขึ้นและปรับลดลง โดยตลาดหุ้นฝั่งจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ได้ปรับตัวลดลง จากความกังวลสงครามการค้า และการตอบโต้สงครามการค้าจากทางจีน
พร้อมให้แนวต้าน 1,695 จุด แนวรับ 1,680 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,857.07 จุด ลดลง 59.47 จุด หรือ -0.23% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,877.13 จุด เพิ่มขึ้น 5.45 จุด หรือ +0.19% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,924.16 จุด เพิ่มขึ้น 21.62 จุด หรือ +0.27%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 1.49 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนลดลง 0.99 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 2.80 จุด,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.75 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.45 จุด และดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 96.69 จุด
ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเอาวัล มุฮัรรอม (มาอัล ฮิจเราะห์)
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ก.ย.61) 1,691.51 จุด เพิ่มขึ้น 2.02 จุด (+0.12%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 189.14 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ก.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ก.ย.61) ปิดที่ 67.54 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 21 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ก.ย.61) ที่ 5.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.84 มองกรอบวันนี้ 32.80-32.90 ตลาดยังรอความชัดเจนปัญหาสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน
- "เครดิต สวิส" ลั่นตลาดทุนไทยไม่น่าลงทุน เหตุหุ้นราคาแพง และมีความผันผวนจากปัจจัยแวดล้อมที่มากระทบ ทำให้มีความเสี่ยง แนะจับตา money supply จากตลาดทุนต่างๆ ไหลมาสู่ตลาดหุ้นเกิดใหม่มากขึ้น
- ผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยว่า เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารภายในเดือนนี้ พิจารณาเรื่องการขายหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล จำนวน 4,000 ล้านบาท เพื่อออกมาจัดกองขายให้กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ หรือเอเอ็มซี ส่วนลูกหนี้ที่ ไม่สามารถตกลงกันได้ในชั้นศาล ก็ให้ฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
- สภาธุรกิจตลาดทุนไทยชี้ปัจจัยการเมืองภายในประเทศจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับ นักลงทุนมากขึ้น ดัชนีตลาดหุ้นจะขึ้นไปถึงระดับ 1,794 จุด ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กว่า 74.07% เชื่อว่าการเลือกตั้งจะถูกเลื่อนออกไปเป็นช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2562
- SPALI มองภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปี 2561 ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ในทิศทางที่ดีและความต้องการซื้อยังมีอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ามีแนวโน้ม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่การปรับขึ้นไม่ได้มากคือค่อยๆ ทยอยปรับ จึงมองว่าไม่กระทบกับความต้องการซื้อ
- คลังประกาศกดปุ่มขายหน่วยลงทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์สัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ต.ค.2561 คาดผลตอบแทนปีละ 5% อนุมัติพีพีพีทางหลวงนครปฐม-ชะอำ 7.9 หมื่น ล. ทล.เปิดลงทุนทางด่วน 3 หมื่นล้านบาทเชื่อมสุวรรณภูมิ
- บอร์ดรฟม.อนุมัติสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตก 1.4 แสนล้าน เตรียมเสนอกระทรวงคมนาคมและ ครม.พิจารณาภายในเดือน ก.ย.นี้ พร้อมเปิดประมูลภายในต้นปี 2562 มั่นใจให้บริการได้ภายในปี 2568 ด้านบิ๊กทุน BTS-BEM ตบเท้าชิงเค้ก
- กสทช.เตรียมถกอาเซียนหาช่องเก็บภาษีเฟซบุ๊ก-ยูทูบหลังทำธุรกิจ "OTT" ดูดเม็ดเงินโฆษณามหาศาล ทำทีวีดิจิทัลง่อนแง่น ธุรกิจรายเล็กจ่อล้มลามเศรษฐกิจ โลกแน่เพราะแต่ละประเทศเก็บภาษีไม่ได้เช่นกัน
- สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ยังอ่อนค่าต่อเนื่อง รูปีอินเดีย ร่วงทำนิวโลว์ ที่ 72.31 รูปีต่อดอลลาร์ เป็นครั้งแรก ด้านเปโซ ฟิลิปปินส์อ่อนค่ากว่า 2% ด้านนักวิเคราะห์เตือน วิกฤติค่าเงินตลาดเกิดใหม่หนุนภาระหนี้ต่างประเทศของชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่ทะยาน เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้สูง ด้าน "เครดิตสวิส" ชี้เงินบาทมีเสถียรภาพดี
*หุ้นเด่นวันนี้
- JAS (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 7.88 บาท โดยคาดว่า JAS จะได้ข้อสรุปสำหรับการขายสินทรัพย์ครั้งที่ 2 และ 3 รวมถึงรายการเช่าคืนกับ JASIF ในเดือน ต.ค. ประเมินว่ารายการเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) เป็น 1.24 บาทในปี 2562 และ 0.8 บาทในปี 2563 หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (DY) ที่ 40% นอกจากนี้ เล็งเห็นถึงอัตราการเข้าถึงที่สูงขึ้นในธุรกิจ fixed broadband (FBB) ในกลุ่มครัวเรือน และประโยชน์ที่ JAS จะได้รับจากจุดยืนที่แข็งแกร่งในตลาดต่างจังหวัดที่มีการแข่งขันต่ำ ทั้งนี้ ได้รวมข้อตกลงการขายสินทรัพย์และการเช่าคืนเข้ามาในประมาณการแล้ว ซึ่งทำให้มีประมาณการกำไรปกติในปี 2561-63 ลดลง 17-54% แต่ขณะเดียวกันก็ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2562 อิงวิธี SOTP ขึ้น 43% เพื่อสะท้อนถึงรายได้ธุรกิจ FBB ที่เติบโตเร็วขึ้น และมูลค่าส่วนเพิ่มจาก JASIF ที่ปรับสูงขึ้น
- CK (ไอร่า) ให้ราคาเป้าหมาย 32.50 บาท แม้มองว่าจได้รับผลกระทบจากงานประมูลที่ล่าช้า และทำให้รายได้งานก่อสร้างชะลอตัว ทำให้สัดส่วนรับรู้รายได้ยังไม่มาก แต่ CK ได้รับประโยชน์จากบริษัทที่ร่วมทุน ส่งผลให้กำไรสุทธิยังอยู่ในระดับที่ดี คาดกำไรสุทธิปี 61 อยู่ที่ 1,943 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปี 60 และคาดเพิ่มขึ้น 4.5% ในปี 62 คาดอยู่ที่ 2,031 ล้านบาท
- SEAFCO (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 10 บาท คาดกำไร 2H61 พุ่งแรงทั้ง H-H และ Y-Y จากการรับรู้โครงการใหญ่ เช่น One Bangkok และรถไฟฟ้าทั้งสายสีส้มและชมพู โดยตอนนี้มีงานในมือทั้งหมด 2.8 พันล้านบาท คาดรับรู้ทันปีนี้ 1.5 พันล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นที่ทำได้ดีกว่าคาด จึงปรับกำไรปีนี้ขึ้นเป็น 305 ล้านบาท +45% Y-Y โตแรงสุดในรอบ 4 ปี สำหรับ PE2561 อยู่ที่ 18 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 22 เท่า