กพท.จับตาปัญหาสภาพคล่อง NOK หวั่นกระทบความปลอดภัยผู้โดยสาร เตรียมเชิญ"พาที" สอบปมนอมินีนกสกู๊ตสัปดาห์หน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 11, 2018 09:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมได้สั่งการให้ตรวจสอบกรณีที่เกี่ยวข้องกับสายการบิน ใน 2 กรณี โดยกรณีแรกเป็นการตรวจสอบการที่บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องจะกระทบต่อความปลอดภัยในการให้บริการหรือไม่ แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีสัญญาณว่าจะกระทบต่อการให้บริการด้านความปลอดภัย โดยจะเป็นลักษณะการติดตามดูอย่างห่าง ๆ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเจรจาหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน ซึ่งเบื้องต้นได้รับทราบว่ามีการเจรจาทั้งพันธมิตรในไทยและต่างประเทศ

"กพท.จะดู 2 มุม เรื่องแรกเรื่องคุ้มครองคนโดยสาร ถ้าสายการบินมีปัญหาสภาพคล่อง เป็นอะไรไปอาจจะกระทบผู้โดยสารโดยตรง ประการที่ 2 จะดูแลเรื่องความปลอดภัย กรณีที่มีปัญหาสภาพคล่อง บางทีเขาอาจจะใช้วิธีการลดค่าใช้จ่ายเรื่องความปลอดภัยด้วย เราจะดูใน 2 ส่วน ซึ่งที่ผ่านมาเรื่องความปลอดภัยยังไม่เจออะไร เราตามดูพอสมควรเรื่องสภาพคล่องของนกแอร์ จะมีผลอย่างอื่นด้วยหลายเรื่อง...ตอนนี้เราตามดูยังไม่ได้ดำเนินการอะไร เขาอยู่ระหว่างหาผู้ลงทุนเพิ่มเติม การเข้าไปแทรกแซงตอนนี้จะมีผลกับเขาด้วยเหมือนกัน เพราะการที่ผู้ถือหุ้นอื่น หรือผู้ที่จะเข้ามาร่วมทุนจะเอาเงินสดเข้ามาในบริษัท ก็ต้องอาศัยศักยภาพข้างหน้าในการที่จะทำต่อไปด้วย เราก็ค่อนข้างจะใช้วิจารญาณพอสมควร เพราะอาจจะมีผลกระทบกับเขาได้ เราดูห่าง ๆ ขณะนี้ก็ยังไม่มีสัญญาณถึงขนาดว่าไปไม่ไหว"นายจุฬา กล่าวให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์เช้านี้

นายจุฬา กล่าวว่า สำหรับ NOK ปัจจุบันมีบมจ.การบินไทย (THAI) ถือหุ้นราว 21.8% และกลุ่มจุฬางกูร ถือหุ้นราว 50% ซึ่งการแก้ปัญหาสภาพคล่องเพื่อเติมเงินให้กับบริษัทก็มีหลายวิธีการ อาจจะเป็นลักษณะการออกหุ้นเพิ่มทุนก็ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องติดตามดูต่อไป แต่ทั้งนี้ NOK จะต้องรักษาการถือหุ้นที่เป็นคนไทยให้ได้สัดส่วน 51%

สำหรับกรณีที่ 2 ที่รมว.คมนาคมได้สั่งการให้ตรวจสอบ เป็นเรื่องการมีนอมินีถือหุ้นในบริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด หลังจากที่นายพาที สารสิน อดีตผู้บริหาร NOK ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เป็นนอมินีในการลงทุนสายการบินนกสกู๊ต โดยปัจจุบันผู้ถือหุ้นสายการบินนกสกู๊ต ประกอบด้วย สายการบินสกู๊ต จากสิงคโปร์ ถือหุ้น 49% ,บริษัท นกมั่งคั่ง จำกัด ถือหุ้น 49% และบริษัท เพื่อนน้ำมิตร จำกัด ถือหุ้น 2% ขณะที่ผู้ถือหุ้นของบริษัท นกมั่งคั่ง จำกัด ประกอบด้วย NOK ถือหุ้น 49% และนายพาที ถือหุ้น 50%

นายจุฬา กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้ตรวจสอบเรื่องการถือหุ้นเมื่อช่วงเดือนพ.ค. เนื่องจากมีระเบียบใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศ (AOL) ใหม่ จึงต้องติดตามดูว่าสัดส่วนการถือหุ้นเป็นไปตามกำหนดระเบียบหรือไม่ ซึ่งผลล่าสุดสายการบินนกสกู๊ต ก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด โดยฝ่ายไทยยังคงถือหุ้นในสัดส่วน 51% และจากการตรวจสอบในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท นกมั่งคั่ง จำกัด ก็ผ่านเกณฑ์เช่นเดียวกันเพราะมีทุนไทยถือหุ้นทั้ง 100%

ส่วนการที่ NOK ไม่เข้าถือหุ้นในบริษัท นกมั่งคั่ง จำกัด ทั้งหมดเลยนั้น เป็นเรื่องการบริหารงานภายในของนิติบุคคล ซึ่งเป็นการตัดสินใจทางธุรกิจโดยไม่ผิดกฎหมาย ส่วนการถือหุ้นของนายพาที ในบริษัท นกมั่งคั่ง จำกัด นั้น ไม่ได้มีการตรวจสอบ เพราะเป็นการถือหุ้นโดยฝั่งไทยทั้ง 100% ทำให้ไม่ได้มีการตามไปตรวจสอบ แต่ปัจจุบันต้องกลับมาตรวจสอบหลังจากที่มีประเด็นการให้สัมภาษณ์ของนายพาที ถึงการเป็นนอมินีถือหุ้นในบริษัท นกมั่งคั่ง จำกัด ซึ่งหากเป็นการถือหุ้นแทนของฝั่งไทยด้วยกันก็ไม่มีผลกระทบต่ออย่างใด แต่ถ้าเป็นการถือแทนฝ่ายของสิงคโปร์อาจจะเป็นประเด็นขึ้นมาได้เพราะจะผิดเงื่อนไข ทำให้การดำเนินการของสายการบินนกสกู๊ตผิดเงื่อนไข ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะพยายามนัดหมายนายพาที เพื่อมาชี้แจงในกรณีดังกล่าวต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ