นางสาวธิดา แก้วบุตตา กรรมการ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/61 จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธูรกิจที่มีความต้องการสินเชื่อค่อนข้างมาก และลูกค้าส่วนใหญ่จะมีการชำระเงินค่างวดค่อนข้างดี ขณะที่มีวันทำงานมากขึ้นกว่าช่วงไตรมาส 2
ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในไตรมาส 3/61 คาดว่าจะจะค่อย ๆ ปรับตัวลดลงอีกจากปัจจุบันอยู่ที่ราว 5% โดยเป็นผลมาจากการบริหารจัดการและดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิด รวมถึงมีการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อด้วย โดยทั้งปีบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถรักษาระดับ NPL ไว้ที่ 5-6% ได้
สำหรับผลงานทั้งปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อที่ 20-30% หรือไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีพอร์ตลูกหนี้คงค้างอยู่ที่ 28,000 ล้านบาท เป็นไปตามการปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นหลัก (ไม่ได้นับรวมการซื้อหนี้ที่มีหลักประกันเข้ามาบริหาร เนื่องจากจะต้องใช้เวลาในการดำเนินงานประมาณ 12-18 เดือน ในการเจรจาและรับรู้รายได้) ขณะเดียวกันบริษัทยังคงแผนการขยายสาขาใหม่อีก 100-200 สาขา จากปัจจุบันมีสาขาอยู่ทั้งหมด 2,606 สาขา
นอกจากนี้ บริษัทได้เริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจประกันวินาศภัยเข้ามาราว 10-20 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทประกันหลายรายเพื่อร่วมกันออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตอบรับกับความต้องการลูกค้ามากขึ้น และอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการเป็น Banking Agent เพื่อรองรับการให้สาขาของบริษัททั้งหมดรองรับการบริการกับ บง.ศรีสวัสดิ์ (BFIT) เป็นหลัก แต่หากอนาคตมีผู้สนใจที่จะใช้บริการบริษัทก็พร้อมเปิดรับเช่นกัน
นางสาวธิดา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังตั้งเป้าจะระดมเงินฝากผ่าน BFIT ในช่วงที่เหลือของปีนี้อีกราว 1,500-2,000 ล้านบาทเพื่อผลักดันให้พอร์ตเงินฝากเพิ่มขึ้นเป็น 7,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 5,500 ล้านบาท เนื่องจากมีอัตราดอกเบี้ยเพียง 3.4% ต่ำกว่าต้นทุนของหุ้นกู้ที่บริษัทเพิ่งเสนอขายไปก่อนหน้านี้มูลค่า 4,500 ล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.36%
ขณะที่บริษัทยังคงงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 2,000-3,000 ล้านบาทเพื่อเข้าซื้อหนี้ที่หลักประกัน ประเภทลูกหนี้ SME และหนี้ที่มีหลักประกัน อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อเช่าซื้อ จากสถาบันทางการเงินเข้ามาบริหารเพิ่มเติมด้วย