(เพิ่มเติม) "เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค"แต่งตั้งอันเดอร์ไรท์พร้อมเคาะราคาขาย IPO 18 ก.ย.เข้าเทรด mai ราวต้น ต.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 11, 2018 13:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) เตรียมเซ็นสัญญาแต่งตั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (อันเดอร์ไรท์) หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น และสรุปราคาเสนอขายหุ้น IPO ในวันที่ 18 ก.ย.พร้อมคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ในช่วงต้นเดือน ต.ค.61 โดยมี บล.เออีซี (AEC) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

KWM เป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร พร้อมทั้งมีการวิจัยและพัฒนาคุณภาพของอุปกรณ์การเกษตรด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทได้รับสิทธิ BOI จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตใบผาล ใบจักร ใบคัดท้าย โครงผาล ใบดันดิน ใบเกลียวลำเลียง จำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า "Pegasus"ซึ่งเป็นตราสินค้าของบริษัทฯ เอง นอกจากนี้ยังให้บริการรับจ้างผลิตสินค้าให้กับตราสินค้าอื่น ๆ ตามแบบที่ลูกค้ากำหนด อาทิ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ภายใต้ตราสินค้า "ตราช้าง"

นอกจากนี้ บริษัทได้ลงทุนในบริษัท อัดเลอร์เทค จำกัด สัดส่วน 99.80% เพื่อเพิ่มความหลากหลายของตราสินค้าให้ผลิตภัณฑ์หลัก (Fighting Brand) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้แก่บริษัท ทั้งนี้ อัดเลอร์เทค ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์ทางการเกษตรประเภท ใบผาล ภายใต้ตราม้าบิน อีกทั้งอัดเลอร์เทคยังมีการจำหน่ายใบเกลียวและใบดันดิน อีกด้วย

บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 120 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.57% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO แบ่งเป็นเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป 115 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.38% ของจำนวนที่เสนอขาย และจำนวนไม่เกิน 5 ล้านหุ้นเสนอขายให้แก่กรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ โดยภายหลังการเสนอขาย IPO ครั้งนี้บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวนไม่เกิน 210 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 420 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา 58-60 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 263.23 ล้านบาท, 275.59 ล้านบาท และ 260.48 ล้านบาท ตามลำดับ ในส่วนของกำไรสุทธิเท่ากับ 27.80 ล้านบาท, 35.78 ล้านบาท และ 20.83 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10.65%, 13.04% และ 8.12% ตามลำดับ

ส่วนงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.61 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมจำนวน 188.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.74 ล้านบาท หรือคิดเป็น 33.81% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 141.20 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 16.69 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 8.95% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 60 คิดเป็น 20.96%

นางสาวติยาภรณ์ วนโกสุม กรรมการผู้จัดการ KWM เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปี 61 จะทำได้ดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 260.48 ล้านบาท หลัง 6 เดือนแรกทำได้แล้วกว่า 188.94 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของภาคเกษตรมีทิศทางที่ค่อนข้างดี ประกอบกับเริ่มเข้าช่วงไฮซีซั่นหลังจากหมดฤดูฝนเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต ขณะที่เชื่อว่าสินค้าเดิมจะมีการเติบโต โดยเฉพาะออร์เดอร์ของโคบูต้าคาดว่าจะเติบโตราว 7-8% ส่วนสินค้าใหม่ที่ผลิตจากเหล็กโบรอนอาจมีการเติบโตกว่าเท่าตัว เพราะตลาดมีขนาดค่อนข้างใหญ่

บริษัทยังตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 8% โดยบริษัทมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากเหล็กโบรอนที่มีความทนทานและมีระยะการใช้งานที่ยาวนานกว่าเหล็กปกติทั่วไป โดยมุ่งเน้นเจาะกลุ่มตลาดอุตสาหกรรมรถไถใหญ่ที่มีกำลังราว 130 แรงม้าเพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาดยุโรป โดยบริษัทได้นำเข้าวัตถุดิบเหล็กโบรอนจากประเทศจีนเพื่อใช้ฐานการผลิตในโรงงานแห่งที่ 2 ปัจจุบันมีกำลังการผลิตเฉลี่ยราว 2 แสนชิ้นต่อปี

สำหรับผลกระทบด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการนำเข้าวัตถุดิบนั้น ปัจจุบันบริษัทมีการทำสัญญากับลูกค้าให้สามารถปรับราคาขายสินค้าได้ทุก 3 เดือน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน ส่วนการหมดสัญญาการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สำหรับโรงงานแห่งที่ 1 ในการยกเว้นภาษี 100% บริษัทคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบทางบัญชีมากนัก เนื่องจากในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทเริ่มมีค่าใช้จ่ายทางภาษีบ้างแล้วแต่กำไรยังทำได้อยู่ในระดับราว 8-9%

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่องในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน เนื่องจากบริษัทตั้งเป้าลดสัดส่วนรายได้จากการพึ่งพิงรายได้หลักจากคูโบต้า โดยบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายย่อยหลายรายเพื่อรับออร์เดอร์เข้ามาเพิ่มเติม จากปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการพึ่งพิงคูโบต้าทั้งทางตรงและทางอ้อมกว่า 80% และจากการขายให้อุตสาหกรรมอื่น 20% และมีรายได้หลักจากการขายในประเทศ

ด้านนายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี กล่าวว่า สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการขายหุ้นในครั้งนี้ KWM จะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน จึงมั่นใจในศักยภาพทางการแข่งขันและการขยายโอกาสทางธุรกิจในอนาคต ซึ่งมีนักลงทุนสนใจทั้งถามข้อมูลและสนใจจองซื้อหุ้น โดย KWM คาดว่าจะกำหนดราคา IPO ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ที่จะมีพิธีแต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดย Co-Underwrite จะมี 3 แห่ง และคาดเทรดในต้นเดือน ต.ค.ตามแผนที่วางไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ