PF เลื่อนออกกองทุนอสังหาฯไปม.ค.51จาก ธ.ค.50กระทบยอดรายได้ปีนี้พลาดเป้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 26, 2007 11:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายธีรชัย มโนมัยพิบูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) คาดจะสามารถออกและเสนอขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ขนาด 520 ล้านบาทได้ใน ม.ค.51 จากเดิมที่จะเสนอขายในช่วง ธ.ค.50 โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) คงจะสามารถอนุมัติในเรื่องดังกล่าวในสัปดาห์นี้ได้
ทั้งนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวบริษัทจะนำสินทรัพย์จากโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีช เอกมัย-รามอินทรา เพอร์เฟค พาร์ค รามคำแหง และสุวรรณภูมิ จำนวนรวม 60 ยูนิต เข้ามาขายในกองทุน และในอนาคตจะมีการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มด้วย
"ยอมรับว่าการที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์เลื่อนการขายออกไปส่งผลกระทบต่อการรับรู้รายได้ของบริษัทในปีนี้แต่จะทำให้ยอดการรับรู้รายได้ในไตรมาส 1 ปีหน้าดีขึ้น ก็จะสอดคล้องกับสถานการณ์ low season ของบริษัทที่จะอยู่ในช่วงไตรมาส 1 พอดี"นายธีรชัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายธีรชัย กล่าวว่า ยอดรับรู้รายได้ในปีหน้าจะเติบโตราว 30% จากปีนี้ที่คาดว่ายอดรับรู้รายได้จะอยู่ที่ประมาณ 6 พันล้านบาท ต่ำกว่าที่คาดว่าจะได้ 6.5 พันล้านบาท เมื่อรวมรายได้จากการขายสินทรัพย์ให้กับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับมีการเลื่อนเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมย่านรัชดาภิเษกมูลค่า 3,000 ล้านบาทจากไตรมาส 4/50 ไปเป็นต้นปี 51 ทำให้ไม่สามารถบันทึกรายได้เข้ามาทันภายในปีนี้
สำหรับระยะต่อจากนี้ไปสิ่งที่จะต้องจับตาหลังการเลือกตั้งคงจะอยู่ที่การจัดตั้งรัฐบาล และความชัดเจนในนโยบายเศรษฐกิจ โดยหากรัฐบาลชุดใหม่ให้ความสำคัญกับการผลักดันเศรษฐกิจก็จะเกิดการลงทุนโครงการเมกะโปรเจคต่าง ๆ ภาคเอกชนก็จะกลับเข้ามาลงทุนอีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย ขณะเดียวกันภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ก็จะฟื้นตัวตามหากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
"ผมมองว่าในช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 51 คงจะเห็นทุกอย่างจบซึ่งหากรัฐบาลให้ความสำคัญเศรษฐกิจ และการลงทุนทุกอย่างก็จะดี ก็จะดีต่อภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ด้วยเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาการเลือกตั้งทำให้คนชะงักรีรอไม่กล้าการตัดสินใจซื้อ แต่หากทุกอย่างดีขึ้นโดยเฉพาะการลงทุนของต่างประเทศที่รอไม่ว่าจะเม็ดเงินจากสหรัฐ ฯ ยุโรป ฯลฯ ก็จะกลับมา " นายธีรชัยกล่าว
นายธีรชัย กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลใหม่มีการยกเลิกมาตราการสำรอง 30% จะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีแผนในการเสนอขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพราะทำให้ต่างประเทศสามารถเข้ามาซื้อกองทุนอสังหาริมทรัพย์ได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ