(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามภูมิภาค หลังจีนเล็งคว่ำบาตรสหรัฐฯ ,หวังราคาน้ำมันขึ้นช่วยประคองตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 12, 2018 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เปิดมาอาจจะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะติดลบกัน หลังจากที่จีนจะขออำนาจคว่ำบาตรสหรัฐในการประชุมคณะกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของ WTO ในวันที่ 21 ก.ย. โดยจะหารือเรื่องมาตรการคว่ำบาตรสหรัฐฯหลังจากขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 2.67 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นฮ่องกงเช้านี้ต่างปรับตัวลงกัน เนื่องจากรับผลโดยตรง

อย่างไรก็ดี การปรับตัวของดัชนีฯน่าจะจำกัด ซึ่งก็มีลุ้นรีบาวด์ขึ้นได้เมื่อลงแถว 1,665 จุด โดยอาจรีบาวด์ตามตลาดในกลุ่ม TIP ที่เช้านี้อยู่ในแดนบวกกัน และหุ้นในกลุ่มพลังงานก็อาจเด่นในวันนี้หลังจากที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้น จากที่มีพายุเฮอริเคนจะพัดเข้าชายฝั่งสหรัฐฯ ทำให้ไปหนุนราคาน้ำมัน

แต่การฟื้นตัวของตลาดฯอาจจำกัดด้วย เพราะยังมีเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีน พร้อมให้แนวรับ 1,665 จุด ส่วนแนวต้าน 1,680 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (11 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,971.06 จุด เพิ่มขึ้น 113.99 จุด (+0.44%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,887.89 จุด เพิ่มขึ้น 10.76 จุด (+0.37%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,972.47 จุด เพิ่มขึ้น 48.31 จุด (+0.61%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 38.02 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.06 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 40.27 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 10.61 จุด,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.08 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 2.92 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 11.62 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 12.81 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ก.ย.61) 1,672.42 จุด ลดลง 19.09 จุด (-1.13%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,406.58 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ก.ย.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 ก.ย.61) ปิดที่ 69.25 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.5%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ก.ย.61) ที่ 5.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.79 แข็งค่าจากวานนี้เล็กน้อยตามภูมิภาค หลังมีแรงขายดอลล์จากความกังวลสงครามการค้า
  • ศาลปกครองกลาง ซักข้อมูล"กสทช.-ดีแทค" ยาว 5 ชั่วโมงแต่ยังไร้คำสั่ง คาดรอผลประชุมบอร์ดกสทช.วันนี้ ให้เยียวยาลูกค้าดีแทค ที่หมดสัมปทานวันที่ 15 ก.ย.นี้หรือไม่ "วงใน"เผยในห้องไต่สวนคู่กรณีปะทะอารมณ์ดุเดือด เอกชนระบุ 2 มาตรฐานหาก ไม่ยอมให้คุ้มครองลูกค้า เชื่อมติบอร์ด ส่อออกมาเป็นข่าวร้าย
  • ครม.อนุมัติให้รฟม.ก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาที่ "ภูเก็ตและเชียงใหม่" คาดพ.ย.นี้สรุปผลศึกษาเปิดร่วมทุน PPP รถไฟฟ้าภูเก็ต 3.9 หมื่นล.ก่อน ส่วนจ.เชียงใหม่ เร่งจ้างศึกษารูปแบบร่วมทุน สรุปปี 62 เพื่อเริ่มสร้างสายสีแดง ช่วงรพ.นครพิงค์-บิ๊กซีหางดง ระยะ 12.54 กม.วงเงินกว่า 2.4 หมื่นล.
  • นายกฯสั่งมหาดไทยบริหารจัดการขยะด้วยการแยกประเภท เผยงบฯ กำจัดขยะมีปีละ 2 พันล้าน แต่ใช้จริง 2 หมื่นล้าน ต้องเจียดงบฯปีละ 1.7 หมื่นล้าน ไปช่วยท้องถิ่น ด้าน พพ. ปรับแผน AEDP ใหม่สอดรับแผนพีดีพี ที่ยึดรายภูมิภาค คงเป้าเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทน 30% แนวโน้มเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์ และขยะ แต่ลดเชื้อเพลิงชีวภาพโดยเฉพาะเอทานอล และไบโอดีเซล เนื่องจากแนวโน้มรถอีวี รถไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่

*หุ้นเด่นวันนี้

  • CKP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 4.8 บาท เก็งกำไรงบ Q3/61 โตก้าวกระโดดจากโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ในลาวเดินเครื่องเต็มกำลังผลิต ตามน้ำในเขื่อนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหน้าฝน
  • ATP30 (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 2.30 บาท คาดกำไร Q3/61 โตทั้ง Q-Q, Y-Y และทำจุดสูงสุดใหม่ จาก High Season ที่มีวันหยุดไม่มาก และการเริ่มให้บริการลูกค้าใหม่อย่าง Mega Bangna ด้วยรถ Shuttle Bus 6 คัน และ SPRC ด้วยรถตู้ 10 คัน บวกกับอัตรากำไรขั้นต้นที่จะเร่งขึ้นจาก Economy of Scale พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2561 +54% Y-Y เป็น 40 ลบ. และ +16% Y-Y เป็น 47 ลบ. ในปี 2019 ด้าน PE2561 อยู่ที่ 24 เท่า และจะลดลงเหลือ 21 เท่าในปี 2562 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 32 เท่า
  • SAWAD (กสิกรไทย) คาดกำไรสุทธิของบริษัทฯ แตะระดับต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ไตรมาส 1 และคาดจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 หนุนจากสินเชื่อที่เติบโตขึ้น, อัตราตอบแทนสินเชื่อที่ผ่านระดับต่ำสุดแล้วและการตั้งสำรองที่ลดลงในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ผลจากการเริ่มใช้นโยบายบัญชีใหม่ของ BFIT ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2561-2563 ขึ้น 2-3% ด้วยอานิสงส์หลักจากการปรับเพิ่มอัตราเติบโตของสินเชื่อและอัตราตอบแทน พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 47.50 บาท (จาก 47 บาท) หรือด้วย PBV กลางปี 2562 ที่ 4.1 เท่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ