นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หรือ สภาพัฒน์ ตีกลับแผนจัดหาเครื่องบินของบมจ.การบินไทย (THAI) ว่า สศช.ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก่อนนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) และยืนยันว่าการบินไทยจำเป็นต้องจัดหาเครื่องบินเพิ่มเข้ามา จำนวน 23 ลำเพื่อทดแทนเครื่องบินเก่าที่จะถูกปลดระวาง จำนวน 23 ลำเช่นกัน
ทั้งนี้ การบินไทยก็ยังคงมีจำนวนฝูงบิน 100 ลำ ไม่ได้ขยายเพิ่มเติมทั้งที่มีความต้องการของตลาดในชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่งที่สามารถทำกำไรให้บริษัทได้ แต่การบินไทยจะทยอยเพิ่มจำนวนเครื่องบินหากผลประกอบการดีขึ้น
"การบินไทยมีความจำเป็นต้องจัดหาเครื่องบินที่จะนำไปทดแทนเครื่องเก่า สภาพัฒน์ให้ข้อสังเกตุเรื่องฐานะทางการเงิน ก็กลับมาทบทวน ซึ่งบอร์ดการบินไทยก็ต้องให้ข้อมูลเพิ่ม แล้วส่งมาที่กระทรวง"นายอาคม กล่าว
ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้มีการสอบถามไปยัง สศช.และได้รับการยืนยันว่า สศช.ไม่ได้คัดค้านไม่ให้มีการซื้อเครื่องบิน แต่การจะซื้อเครื่องบินใหม่ ต้องไปทำรายละเอียดเพิ่มเติมว่าจะบริหารจัดการลดต้นทุน เพิ่มรายได้ในอนาคตได้อย่างไร มีการทำแผนระยะยาวอย่างไร เพราะการซื้อเครื่องบินถือว่ามีความจำเป็น สามารถซื้อได้ ถึงจะอยู่ในแผนฟื้นฟูก็ซื้อเครื่องใหม่ได้ เพราะอยู่ในแผนที่ต้องทำ
แม้ THAI จะเป็นรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในแผนฟื้นฟู ก็จำเป็นต้องมีการซื้อเครื่องบินฝูงใหม่ เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการใช้ดำเนินธุรกิจ
"แผนการซื้อเครื่องบินจำนวน 23 ลำ ของ THAI เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะอยู่ในแผนฯ เพราะเครื่องบินที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ใช้มาหลายปี ถึงเวลาต้องเปลี่ยน เพราะเครื่องเก่า ทำให้มีต้นทุนในการบริหารจัดการ ค่าซ่อมบำรุงสูง อีกทั้งถ้าไม่มีการเปลี่ยนเครื่องใหม่จะจูงใจลูกค้ามาใช้บริการก็ยาก ในส่วนของการคิดราคาก็ต้องสอดคล้องกับประสิทธิภาพการบริหารที่ดีขึ้น โดย คนร.สั่งให้อ้างอิงราคากับสายการบินคู่แข่งทั่วโลก ให้แข่งขันได้และไม่ด้อยกว่าที่อื่น ซึ่งก็มีหลายเรื่องที่การบินไทยต้องไปทำแผนปรับปรุงมาเสนอ" นายอภิศักดิ์ กล่าว