บมจ.แกรนด์ คาแนล แลนด์ (GLAND) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับแจ้งจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ประกอบด้วย บริษัท เจริญกฤษเอ็นเตอร์ไพร้ส์ จำกัด 2. บริษัท เบ็ล พาร์ค เรสซิเดนซ์ จำกัด 3. นายเจตรศิริ บุญดีเจริญ 4. นางสาวรมณี บุญดีเจริญ และ 5. นายเจตรมงคล บุญดีเจริญ ว่าได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น GLAND รวมทั้งสิ้นจำนวน 3,278,132,406 หุ้น หรือคิดเป็น 50.43% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ที่ราคาหุ้นละ 3.10 บาท คิดดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 10,162,210,458.60 บาท ให้แก่ บริษัท ซีพีเอ็น พัทยา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา )(CPN) เป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ 12 ก.ย.61 คาดว่าจะทำรายการภายหลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปลดเครื่องหมาย H ในวันที่ 12 ก.ย.61
โดยหากการซื้อขายเสร็จสิ้นจะทำให้ บริษัท ซีพีเอ็น พัทยา จำกัด กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ และจะมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯ ตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ บริษัทได้รับแจ้งจาก CPN ว่าอยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับการเพิกถอน GLAND ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และยังไม่ได้ข้อสรุป
ทั้งนี้ CPN ระบุในสารสนเทศการได้มาซึ่งสินทรัพย์ GLAND ว่า การเข้าทำธุรกรรมการซื้อหุ้น GLAND มีสิ่งตอบแทนอยู่ในรูปของเงินสดจำนวนรวมทั้งสิ้น 10,162,210,458.6 บาท ขณะที่การทำคำเสนอซื้อหุ้น GLAND มีสิ่งตอบแทนอยู่ในรูปของเงินสดจำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 9,987,261,490.50 บาท
สำหรับธุรกิจของ GLAND เป็นธุรกิจหมวดอสังหาริมทรัพย์ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยเริ่มดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปี 52 ปัจจุบัน GLAND มีโครงการที่เปิดดำเนินการแล้ว ได้แก่ โครงการเดอะไนน์ ทาวเวอร์ส แกรนด์พระราม 9 โครงการ The Shoppes@Ninth และอยู่ในระหว่างดำเนินการพัฒนาโครงการอาคารสูง Super Tower และโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ได้แก่ โครงการเบ็ล สกาย คอนโดมิเนียม นอกจากนี้ GLAND มีการลงทุนในบริษัทอื่น
ด้านผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดกับบริษัท นั้นบริษัทเชื่อว่าการเข้าทำธุรกรรมในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ดังนี้ เป็นการส่งเสริมศักยภาพทางการเงิน และเพิ่มฐานกระแสเงินสดให้แก่บริษัทฯ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว รวมทั้งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ รวมถึงการเข้าลงทุนในโครงการต่าง ๆ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อช่วยให้อัตราการเติบโตทางธุรกิจ และผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
แหล่งที่มาของเงินทุนมาจากทั้งเงินทุนจากการกู้ยืมและเงินทุนภายในบริษัท
แหล่งข่าวจาก CPN เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้เข้าซื้อกิจการ GLAND แล้วเสร็จจะพิจารณาแผนการลงทุนในระยะต่อไป ในเบื้องต้นอาจมีความเป็นไปได้ที่จะต้องชะลอและปรับรูปแบบการลงทุนโครงการต่าง ๆ ของ GLAND เป็นรูปแบบอื่นแทน โดยเฉพาะโครงการซุปเปอร์ ทาวเวอร์ ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่และเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศ ย่านพระราม 9 มูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท อาจจะปรับไปเป็นโครงการมิกซ์ยูสในรูปแบบอื่นแทน แต่ยังตั้งอยู่บนที่ดินเดิม เพราะบริษัทมีการศึกษาความคุ้มค่าในการลงทุนเบื้องต้นมาแล้วว่าโครงการดังกล่าวมีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ต่ำ และใช้เงินลงทุนสูง ทำให้อาจจะมีการชะลอแผนการพัฒนาโครงการออกไปเพื่อปรับรูปแบบก
ส่วนโครงการลงทุนอื่นๆหลังจากเข้าไปถือหุ้นใหญ่ใน GLAND นั้นยังต้องมีการพิจารณาและศึกษาต่อไป