นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเพิ่มทุนและนำเงินจากการเพิ่มทุนไปใช้ลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์ม ที่จังหวัดฟูเยี้ยน สาธารณรัฐสังคมนิยามเวียดนาม จำนวน 2 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 109 เมกะวัตต์ (MW) โดยมีระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้า 25 ปี ให้กับ Electricity of Vietnam (EVN) อัตรารับซื้อไฟฟ้า (Feed inTariff หรือ FIT) ที่ 0.0935 ดอลลาร์สหรัฐ/หน่วย เป็นระยะเวลา 20 ปี และอีก 5 ปี สุดท้าย ที่ราคาตลาด มูลค่าการลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งหากเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนไม่เพียงพอ บริษัทจะหาสินเชื่อจากสถาบันการเงิน และ/หรือหาผู้ร่วมลงทุนต่อไป
ทั้งนี้ จากการประเมินมูลค่าผลตอบแทนการลงทุนในส่วนทุน (EIRR) ขั้นต่ำไม่น้อยกว่าร้อยละ 18 ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล และสัดส่วนการลงทุนอยู่ระหว่างการเจรจา และจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาภายในเดือน กันยายน 2561
นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการขยายธุรกิจสิ่งพิมพ์ ซึ่งคาดว่าจะเข้าซื้อหุ้นในบริษัทแห่งหนึ่งที่ประกอบธุรกิจสิ่งพิมพ์ ซึ่งมีงานพิมพ์ประจำอยู่แล้ว และเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ได้เปลี่ยนไปใช้ e-commerce มากขึ้นหลายเท่าตัว โดยบริษัจะใช้สถานที่ของโรงพิมพ์ดังกล่าวขยายไปยังการผลิตกล่องลูกฟูก ซึ่งผู้บริหารของบริษัทมีประสบการณ์มากว่า 20 ปี ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล (Due Diligence) ของกิจการทั้งหมดอยู่ รวมทั้งอยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน
อนึ่ง EPCO มีแผนจะเพิ่มทุนจดทะเบียนโดยออกหุ้นใหม่จำนวน 209 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท แบ่งจัดสรรหุ้น 104.5 ล้านหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 8 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 3.30 บาท โดยกำหนดวันจองซื้อและรับชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนวันที่ 26-30 พ.ย.61 และจะจัดสรรหุ้น 104.5 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) ที่บริษัทจะออก EPCO-W3 จำนวนไม่เกิน 104.5 ล้านหน่วย อายุไม่เกิน 2 ปี ให้ฟรีแก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนใหม่ในสัดส่วน 1 หุ้นเพิ่มทุนใหม่ต่อ 1 หน่วย โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 วอร์แรนต์ ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 5 บาท
นายยุทธ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะได้รับเงินจากการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ประมาณ 344.86 ล้านบาท และเงินเพิ่มทุนโดยการใช้สิทธิตาม EPCO-W3 ประมาณ 522.52 ล้านบาท โดยบริษัทจะนำไปใช้เพื่อรองรับการขยายงานในอนาคตและรองรับการลงทุนของบริษัทและบริษัทย่อย เพื่อผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต