ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มกลับเข้าตลาดหลังจากฉลองเทศกาลคริสต์มาส อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับยอดค้าปลีกที่อ่อนแอเกินคาดของสหรัฐและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 2.36 จุด หรือ 0.02% แตะระดับ 13,551.69 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 1.21 จุด หรือ 0.08% แตะระดับ 1,497.66 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดดีดขึ้น 10.91 จุด หรือ 0.40% แตะระดับ 2,724.41 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 839 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกและหุ้นลบในสัดส่วนที่เกือบเท่ากัน ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.26 พันล้านหุ้น
สภากำกับดูแลข้อมูลการจับจ่ายใช้สอยระหว่างประเทศเปิดเผยว่า ดัชนียอดค้าปลีกของห้างสรรพสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.8% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ทางสภาคาดว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้นอีกเพราะเชื่อว่าผู้บริโภคจะยังคงใช้จ่ายในเทศกาลปีใหม่
บริษัททาร์เก็ต คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายเดือนธ.ค.ลดลงเกินคาด ขณะที่บริษัทมาสเตอร์การด์ด อิงค์ เปิดเผยว่า ยอดใช้จ่ายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เงินสด และเช็ค ขยับขึ้นเพียง 3.6% เท่านั้น
นายคิม คอจฮีย์ นักวิเคราะห์จากบริษัทฟอร์ท พิทท์ แคปิตอล ในสหรัฐกล่าวว่า "ข้อมูลค้าปลีกที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องสถานะการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคและแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ แม้มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกในเทศกาลวันหยุดปีนี้จะลดลงก็ตาม"
"นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังต่อข้อมูลที่ระบุว่า ราคาบ้านในสหรัฐประจำเดือนต.ค.ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 โดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เชส-ชิลเลอร์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านในสหรัฐประจำเดือนดังกล่าวร่วงลง 6.7% ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 1991" เขากล่าว
นายคอจฮีย์ยังกล่าวด้วยว่า "ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น 1.84 ดอลลาร์ แตะระดับ 95.97 ดอลลาร์ต่อบาราเรล ทิศทางของตลาดยังคลุมเครือในเวลานี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ"
ทั้งนี้ หุ้นทาร์เก็ตซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ ดิ่งลง 2.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ต่ำเกินคาด
หุ้นเอ็กซอน โมบิล คอร์ปพุ่งขึ้น 1.2% หลังจากราคาน้ำมันดิบสหรัฐทะยานขึ้นจากข่าวที่ว่ากองกำลังตุรกีบุกเข้าไปในพื้นที่ตอนเหนือของอิรักเพื่อปราบกลุ่มกบฏชาวเคิร์ด
ขณะที่หุ้นแอปเปิล อิงค์ ดีดขึ้น 15 เซนต์ ปิดที่ 198.95 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่ายอดขายคอมพิวเตอร์และผลิตภัณฑ์ไอพอดจะแข็งแกร่ง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--