หุ้น CHAYO ราคาพุ่งขึ้น 5.56% มาอยู่ที่ 5.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 34.41 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.12 น. โดยเปิดตลาดที่ 5.60 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 5.70 บาท และราคาทำระดับต่ำสุดที่ 5.55 บาท
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) มีแนวโน้มผลประกอบการในอนาคตค่อนข้างสดใส จากฐานหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการต่อยอดไปยังธุรกิจใหม่ ๆ แต่ราคาหุ้นค่อนข้างร้อนแรงและสะท้อนอนาคตไปมาก โดยในระยะเวลาเพียงครึ่งปีราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาราว 88% จากราคา IPO ที่ 2.88 บาท ซึ่งคิดเป็น PBV 4.31 เท่า (2Q61 ROE = 9.68%) สูงกว่าบมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ที่มี PBV 3.35 เท่า (2Q61 ROE = 16.68%)
สำหรับแนวโน้มกำไรในครึ่งหลังปีนี้ คาดว่าปัจจัยหนุนจากฐานมูลหนี้ NPL ที่ใหญ่ขึ้นจะช่วยให้รายได้จากการบริหารหนี้ที่ไม่มีหลักประกันเติบโตต่อเนื่อง แต่สำหรับหนี้มีหลักประกันยังคาดเดาได้ยาก และอาจลดลงจากครึ่งปีแรก เนื่องจากในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาบริษัทมีการรับรู้รายได้จากการขายที่ดินแปลงใหญ่เข้ามาราว 30 ล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีหลังต้องรอดูว่าจะมีการขายที่ดินเพิ่มเติมได้อีกหรือไม่ อย่างไรก็ตามหากมองภาพรวมทั้งปีคาดว่าจะเห็นกำไรปี 2561 เติบโตสูง YoY ขณะที่แนวโน้มปี 2562 จะมีหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ที่จะตัดต้นทุนครบ ซึ่งจะช่วยให้รายได้และกำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
บริษัทได้เงินจากการ IPO ราว 400 ล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีแรกบริษัทได้นำไปลงทุนซื้อ NPL มาบริหารคิดเป็นมูลหนี้ราว 8,500 พันล้านบาท ใช้เงินลงทุนไปราว 95 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ไม่มีหลักประกันราว 7,900 พันล้านบาท และหนี้ที่มีหลักประกันอีกราว 600 ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้น H1/61 บริษัทมีมูลหนี้ NPL ที่อยู่ภายใต้การบริหารราว 37,500 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ไม่มีหลักประกันราว 34,900 ล้านบาท และหนี้มีหลักประกันราว 2,600 ล้านบาท
นอกจากเงินทุนที่เหลือจากการ IPO ภายหลังการซื้อหนี้ในครึ่งปีแรกอีกราว 300 ล้านบาทแล้ว ปัจจุบันบริษัทยังมีสัดส่วน D/E ต่ำมากเพียง 0.12 เท่า ทำให้ไม่มีปัญหาในการซื้อ NPL เพิ่มเติม เนื่องจากยังสามารถกู้ยืมได้อีกมาก ตามเป้าหมายของบริษัทที่สัดส่วน D/E ไม่เกิน 2 เท่า สำหรับเป้าหมายการซื้อหนี้เดิมของบริษัทที่ปีละ 8,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรกลงทุนไปเกินเป้าแล้ว บริษัทจึงมีการปรับเป้าซื้อหนี้ใหม่เป็น 10,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีโอกาสในการประมูลหนี้ในครึ่งปีหลังอีกมาก จึงอาจเห็นการปรับเป้าหมายใหม่อีกได้