นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) คาดว่าการจะเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ประเทศเมียนมาเพิ่มขึ้นเป็น 49% จากเดิมที่ถือหุ้นอยู่ 30% นั้นจะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) เฉลี่ยอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี และยังเป็นการสนับสนุนผลการดำเนินงานในระยะยาวของ SCN ให้เติบโตได้อย่างมั่นคงจากการสร้างรายได้ประจำและสม่ำเสมอในระยะยาว (Recurring Income) ที่มาจากการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เข้าสู่ระบบ (COD) ของโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวตลอดอายุ 30 ปี ซึ่งในเฟสแรกคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการ COD จำนวน 50 เมกะวัตต์ (MW) ในเดือนมกราคม 2562 นี้
"การเข้าลงทุนของ SCN ในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการเข้าร่วมลงทุนดำเนินโครงการดังกล่าว เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เป็นโครงการที่มีศักยภาพที่ดีมาก และสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่ต้องการขยายฐานธุรกิจจากพลังงานก๊าซธรรมชาติไปสู่พลังงานทดแทนประเภทอื่น ๆ รวมถึงยังเป็นการสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคตจากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่มที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ไปยังประเทศใหม่ ๆ ในภูมิภาคนี้เพิ่มเติมในอนาคต"นายฤทธี กล่าว
นายฤทธี กล่าวว่า สำหรับการจะเข้าซื้อหุ้นในโรงไฟฟ้ามินบูเพิ่มครั้งนี้ เป็นผลจากบริษัทได้บรรลุข้อตกลงในรายละเอียดการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด (GEP Thailand) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้ามินบู ขนาด 220 เมะกวัตต์ เพิ่มเป็น 49% จากเดิมที่ถืออยู่ 30% โดยโครงการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ บริษัท Electric Power Generation Enterprise จำกัด (EPGE) ระยะเวลาทั้งสิ้น 30 ปี นับตั้งแต่วันที่เริ่มดำเนินการจ่ายไฟฟ้า
รายละเอียดการเข้าลงทุนเพิ่มเติมอีก 19% จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยในส่วนแรก บริษัทจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 21,695,286 หุ้น ในราคา 4.50 บาท เพื่อจัดสรรให้แก่ Noble Planet เพื่อชำระเป็นค่าหุ้น GEP Thailand จำนวน 12.37% ของทุนจดทะเบียน ส่วนหุ้นสามัญที่เหลือของ GEP Thailand อีก 6.63% ของทุนจดทะเบียนนั้น จะชำระเป็นเงินสดให้แก่ Planet Energy Holding ซึ่งเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์และเป็นผู้ถือหุ้นดั้งเดิมในบริษัท GEP Thailand เพื่อให้ SCN ถือหุ้นครบ 49% ใน GEP Thailand ตามที่กำหนด
ทั้งนี้ การที่ Noble Planet เข้ามาซื้อหุ้นใน SCN ในราคาที่สูงกว่าตลาดนั้น สะท้อนถึงความมั่นใจในศักยภาพการดำเนินงานของ SCN ที่แข็งแกร่ง และเชื่อมั่นต่อการผลักดันการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เมืองมินบูให้ประสบความสำเร็จได้ตามแผนที่วางไว้ และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในระยะยาวอีกด้วย