โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT) จากกำไรสุทธิครึ่งหลังปีนี้จะเติบโตต่อเนื่อง รับช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ จากภาพรวมอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์เติบโตเป็น 2.1 ล้านคัน และยังมีคำสั่งซื้อใหม่ อย่างเพลาข้างรถบรรทุกที่จะทยอยรับรู้รายได้เข้ามา ส่งผลทำให้ภาพรวมกำไรทั้งปี 61 จะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ แม้รายได้ปีนี้จะปรับตัวลดลง จากการโอนธุรกิจบริษัทย่อย คือ บริษัท บางกอกสปริงอินดัสเตรียล จำกัด (BSK) ไปยังบริษัทร่วมทุน ซึ่งจะกระทบต่อยอดขาย แต่เชื่อว่าจะมีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากอุตสาหกรรมฯที่เติบโตทำให้ยอดขายจะปรับตัวลงไม่มาก
พักเที่ยงหุ้น SAT อยู่ที่ 23 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 0.86% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.32%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 27.50 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 25.50 ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ซื้อ 27.00 เคที ซีมิโก้ ซื้อ 27.20
นายถกล บรรจงรักษ์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มกำไรสุทธิของ SAT ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะเติบโตโดดเด่น จากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจเป็นไปตามภาพรวมอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ที่ปีนี้เติบโตเป็น 2.1 ล้านคัน และในไตรมาส 4/61 จะเริ่มรับรู้คำสั่งซื้อสินค้าใหม่ จากสินค้าเพลาข้างสำหรับรถบรรทุก มูลค่า 100 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราการใช้เครื่องจักรในปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 5-10%
ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรปกติปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ หรือมาที่ 874 ล้านบาท เติบโต 25% จากปีก่อน ตามยอดผลิตรถยนต์ของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เติบโต และลูกค้ารายใหญ่อย่างคูโบต้าเพิ่มกำลังการผลิต 14% เป็น 75,000 คัน
แต่ประเมินรายได้รวมปีนี้จะลดลง 7% จากปีก่อน จากการโอนทรัพย์สินของ BSK ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นต่ำ ไปอยู่ในบริษัทร่วมทุนใหม่ ทำให้จากเดิมที่ถือหุ้นในสัดส่วน 100% มาเป็น 50% แต่หากตัดปัจจัยดังกล่าวออกรายได้ปีนี้ จะเพิ่มขึ้น 10% และอัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นเป็น 18% จาก 15.5% ในปี 60
"เราแนะนำ"ซื้อ"เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ ยอดผลิตรถยนต์ยังเติบโตดีในครึ่งปีหลัง ซึ่งปัจจุบันก็เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ทำให้น่าจะส่งผลบวกต่อตัว SAT และยังเป็นช่วงของไฮซีซั่นด้วย"นายถกล กล่าว
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ รักษาการหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มกำไรสุทธิของ SAT ในครึ่งปีหลังนี้จะเติบโตต่อเนื่อง จากครึ่งปีแรกที่เติบโตถึง 37% หรือมาที่ 418 ล้านบาท และเติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปีก่อนมีการเติบโตในฐานที่สูง เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโต และคำสั่งซื้อใหม่ที่จะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปีหน้า ส่งผลดีต่อยอดขาย โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิของ SAT ในปี 61 เติบโต 11% มาที่ 898 ล้านาท ตามยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้ที่จะเติบโตเป็น 2.1 ล้านคัน
ขณะที่คาดรายได้ปีนี้จะปรับตัวลดลง จากการโอนธุรกิจ BSK ไปยังบริษัทร่วมทุนใหม่ทำให้รายได้ลดลงไป 13-15% แต่รายได้ในภาพรวมของ SAT จะลดลงเพียง 5-6% เนื่องจากได้รับผลบวกจากอุตสาหกรรมที่เติบโต และคำสั่งซื้อสินค้าใหม่อย่างเพลาข้างรถบรรทุกที่จะส่งไปอินโดนีเซีย และสหรัฐฯเข้ามาชดเชย โดยคำสั่งซื้อใหม่เพลาข้างรถบรรทุกส่งไปอินโดนีเซีย เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/61 และที่ส่งออกไปสหรัฐฯจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/61
ด้าน บล.เคที ซีมิโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลการดำเนินงานของ SAT ยังคงเป็นขาขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ การฟื้นตัวของยอดผลิตรถยนต์โดยรวม และยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่ได้รับ อีกทั้งยังเป็นฤดูกาลการขายของชิ้นส่วนเครื่องจักรการเกษตร มีผลให้กำไรแตะระดับสูงสุดในปี 61 นับจากวงจรโครงการรถยนต์ครั้งแรกสิ้นสุดลง
ปัจจุบัน SAT ซื้อขายที่ระดับ PER 10 เท่า ของปี 62 ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในอดีต มีนัยว่าราคาหุ้นยังไม่สะท้อนแนวโน้มกำไรเชิงบวก คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับหุ้น SAT