นายพงศ์ธร ธาราไชย ประธานกรรมการบริหาร บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส (PPS) เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้ารายได้ปีนี้ลงเหลือใกล้เคียงกับปีก่อน หรือราว 400 ล้านบาท จากเดิมที่คาดจะมีรายได้ราว 450 ล้านบาท เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้จากบางโครงการมีความล่าช้ากว่ากำหนดเดิมที่วางไว้ โดยเลื่อนไปรับรู้รายได้ในช่วงปี 62-63 และอาจส่งผลให้บริษัทพิจารณาปรับแผนระยะยาว (5 ปี) ใหม่ จากเดิมที่ตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 25% อาจจะปรับลดลงเหลือการเติบโตปีละ 10% หากต้องเผชิญเหตุการณ์แบบนี้ต่อไป
สำหรับภาพรวมไตรมาส 3/61 มองว่าทิศทางผลประกอบการจะยังทรงตัวจากไตรมาส 2/61 เนื่องจากยังมีปัจจัยกดดันและยังไม่สามารถรับรู้รายได้จากโครงการที่มีอยู่ในมือได้ โดยปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ราว 332 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาปลายปีนี้ 149 ล้านบาท และในปี 62 จะรับรู้เข้ามาราว 151 และในปี 63 ราว 32 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญารับงานที่ปรึกษาจากภาคเอกชนมูลค่า 105 ล้านบาท คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ในเร็วๆนี้ ในขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมที่จะเข้าประมูลงานของภาครัฐ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างรอข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง (TOR) ซึ่งมูลค่าโครงการรวมสูงถึง 1 แสนล้านบาท ประกอบไปด้วยงานรถไฟฟ้า งานรถไฟฟ้ารางคู่ และงานรถไฟฟ้าความเร็วสูง เป็นต้น โดยคาดว่า TOR จะออกมาในช่วงเดือน ต.ค. นี้ และจะทยอยเข้าประมูลงานได้ภายในปีนี้
พร้อมกันนั้นยังเดินหน้าขยายการรับงานภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะมีการลงทุนในช่วงที่เหลืออีกหลายโครงการ เบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะได้งานเอกชนเพิ่มเข้าอีก 2-3 โครงการภายในปีนี้ มูลค่าสำหรับงานที่ปรึกษาราว 50-100 ล้านบาทต่อโครงการ
ส่วนการขยายตลาดไปต่างประเทศ บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนตั้งบริษัทย่อยเพื่อรับงานในประเทศเวียดนาม โดยปัจจุบันมีลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการศูนย์การค้าในประเทศไทย ซึ่งเป็นลูกค้าเดิมของบริษัท จะเข้าไปลงทุนก่อสร้างศูนย์การค้าในประเทศเวียดนาม จึงถือเป็นโอกาศในการขยายงานเพิ่ม โดยจะยื่นเสนอรับงานดังกล่าวภายในเดือน ม.ค. 62
"เราได้ปรับแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษาบริหารโครงการซึ่งเป็นธุรกิจหลัก โดยร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านงานรถไฟฟ้า งานเรือ เพื่อร่วมรับงานที่ปรึกษาฯในประเทศ นอกจากนี้ยังมีแผนการทำงานร่วมกับลูกค้ากลุ่มค้าปลีกที่มีแผนขยายสาขาในต่างประเทศด้วย ซึ่งการปรับกลยุทธ์ดังกล่าว ถือเป็นการเพิ่มโอกาสการรับงานทั้งในและต่างประเทศของบริษัท"นายพงศ์ธร กล่าว
นายพงศธร กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีแผนปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทย่อย โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะควบรวม ขายหุ้น หรือยุบกิจการ และมีแผนขยายขอบเขตการทำงาน โดยเพิ่มการรับงานตกแต่งภายใน และการรับงานแบบจ้างเหมาเบ็ดเสร็จ (turnkey) ดำเนินการตั้งแต่ออกแบบสถาปัตย์ ออกแบบโครงสร้าง คุมงานก่อสร้าง จนถึงงานแล้วเสร็จ ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างของบริษัทย่อยดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างศักษภาพและโอกาสในการรับงานมากขึ้น
ขณะที่ บริษัท โปรฟิน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนดำเนินธุรกิจ Project Financing และ ICO Portal อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการเป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายดิจิทัล คาดว่าจะทราบผลภายในเดือน พ.ย.นี้ ขณะนี้มีบริษัทที่สนใจจะระดมทุนด้วยการเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัล (ICO) อยู่ระหว่างการเจรจา 4-5 ราย
สำหรับผลประกอบการครึ่งแรกปี 61 บริษัทมีรายได้รวม 194.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 190.27 ล้านบาท จำนวน 4.49 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.36% และมีกำไรสุทธิ 14.51 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 33.68 ล้านบาท จำนวน 19.17 ล้านบาท หรือลดลง 56.92%