สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ลงทุนในหลักทรัพย์แห่งสิงคโปร์ จัดงานสัมมนาในหัวข้อการสร้างความเชื่อมั่นกับโลกที่แปรเปลี่ยน เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2561 ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ โดยมีผู้เชี่ยวชาญทั้งจากในและต่างประเทศร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการรับมือกับกระแสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของโลก ซึ่งส่งผลกระทบบริษัทจดทะเบียนให้ต้องปรับตัว และนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้กับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งการตอบโจทย์ความคาดหวังของผู้ลงทุนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและยกระดับมาตรฐานด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต.มีความมุ่งหวังให้บริษัทจดทะเบียนและนักลงทุนสถาบันมีความพร้อมในการปรับตัว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หลังจากการที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆเข้ามามีผลต่อการลงทุน ซึ่งทำให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นบริษัทจดทะเบียนควรนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆมาปรับใช้กับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ
พร้อมนำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรควบคู่ไปกับการดูแลเอาใจใส่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการสริงคุณค่าองค์กรในระยะยาว โดยก.ล.ต.ได้ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับองค์กรสากลของโลก โดยเฉพาะสหประชาชาติ ซึ่งได้ขอความร่วมมือไปยังบริษัทจดทะเบียนให้เปิดเผยผลการดำเนินงานให้สอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน และเพื่อนำไปกำหนดเป็นเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว
ด้านนักลงทุนสถาบันที่ถือเป็นบทบาทสำคัญในการผลักดันและติดตามให้บริษัทจดทะเบียนมีการพัฒนาแผนงานต่างๆที่สร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร พร้อมกับการบูรณาการนำเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดีเข้าไปในกลยุทธ์และการดำเนินงาน ที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานด้านกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงการผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย
"การสัมมนาครั้งนี้มุ่งหวังให้บริษัทจดทะเบียนและผู้ลงทุนสถาบันมีความพร้อมในการปรับตัว เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บริษัทจดทะเบียนควรนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้กับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ และนำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กร ควบคู่กับการดูแลเอาใจใส่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องซึ่งจะช่วยสร้างคุณค่าองค์กรในระยะยาว ทั้งนี้ ก.ล.ต. จะสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับสหประชาชาติ โดยจะขอความร่วมมือไปยังบริษัทจดทะเบียนให้เปิดเผยการดำเนินงานที่สอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน และนำไปร่วมกำหนดเป็นเป้าหมายการดำเนินธุรกิจต่อไป
นอกจากนี้ ผู้ลงทุนสถาบันก็เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันและติดตามให้บริษัทจดทะเบียนมีการบูรณาการนำเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดีเข้าไปในกลยุทธ์และการดำเนินงานจะช่วยยกระดับมาตรฐานด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งเกื้อหนุนการเติบโตที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย"นายรพี กล่าว
นายรพี กล่าวอีกว่า ก.ล.ต.ยังได้มีความร่วมมือกับสมาคมนักลงทุนหลักทรัพย์แห่งสิงคโปร์ (SIAS) เพื่อช่วยในการกำหนดแนวทางให้กับสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยในการสอบถามประเด็นต่างๆ ในที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อทำให้ผู้บริหารของบริษัทต่างๆอธิบายข้อมูลต่างๆ ให้กับผู้ถือหุ้นทุกคนได้ทราบอย่างชัดเจน โดยเป็นประเด็นคำถามที่ดีที่ทำให้ผู้บริหารสามารถอธิบายให้กับนักลงทุนคนอื่นๆได้เข้าใจ เพื่อวัตถุประสงค์ของการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ซึ่งนำตัวอย่างของสิงคโปร์ที่มีผู้ติดตามข้อมูลเข้าไปสอบถามข้อมูล และนำข้อมูลไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และนำข้อมูลต่างๆมาวิเคราะห์เผยแพร่ให้กับนักลงทุนทราบ โดยที่ในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมร่วมกันเพื่อเป็นการร่วมกันกำหนดแนวทางในเบื้องต้น
นายเดวิด เจอร์ราลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้งสมาคมนักลงทุนหลักทรัพย์แห่งสิงคโปร์ (Securities Investors Association (Singapore): SIAS) กล่าวว่า "บริษัทจดทะเบียนจำเป็นต้องมีการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและกำหนดมาตรการควบคุมภายในเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร โดยคณะกรรมการและผู้บริหาร ควรตระหนักถึงความจำเป็นในการสร้างและส่งเสริมวัฒนธรรมนี้ให้เกิดขึ้น เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานและรักษาความไว้วางใจจากผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บทบาทของผู้ถือหุ้นที่ติดตามการดำเนินธุรกิจของบริษัทจะมีส่วนช่วยส่งเสริมความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของบริษัท ซึ่งคณะกรรมการบริษัทควรให้ความสำคัญกับการให้ข้อมูลและตอบคำถามของผู้ถือหุ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประชุมสามัญประจำปีของบริษัท"