นายวิศิษฎ์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้ (A) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายช่วงครึ่งหลังปีนี้ที่ระดับ 5.04 พันล้านบาท เพื่อบรรลุเป้าหมายยอดขายทั้งปีนี้ที่ 1 หมื่นล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกทำยอดขายแล้ว 4.85 พันล้านบาท โดยที่ในไตรมาส 3/61 บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 4 โครงการ ซึ่งเป็นโครงแนวราบทั้งหมด มูลค่าโครงการรวม 1.92 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการ The Village บางนา, โครงการ The Colors บางนา และบางบัวทอง และโครงการ Busaba บ้านเดี่ยวแห่งเดียวติดถนนเสรีไทย
ส่วนในไตรมาส 4/61 จะเปิดโครงการใหม่อีก 4 โครงการ มูลค่ารวม 5.35 พันล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ ได้แก่ โครงการ Mandarina เกษตร – รามอินทรา, โครงการ The Parti เกษตร – นวมินทร์ และโครงการ COMO PRIMO บางนา และโครงการคอนโดมิเนียม A Space Mega บางนา 2 โดยคาดว่าโครงการคอนโดมิเนียม A Space Mega บางนา 2 มูลค่า 2.5 พันล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท จะได้รับการตอบรับจากลูกค้า ซึ่งบริษัทมีลูกค้าที่ลงชื่อจองโครงการไว้แล้ว และคาดว่าจะขายหมดในช่วงสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า ทำให้บริษัทมีความมั่นใจอย่างมากที่จะทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ขณะที่การขายโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทในปัจจุบันได้หันมาขายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติมากขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติสูงถึง 70% ส่วนใหญ่เป็นชาวฮ่องกง และจีน ซึ่งเป็นการขายที่บริษัทขายเองและขายผ่านเอเจนซี่ โดยเฉพาะโครงการ A Space Mega โครงการแรก มีสัดส่วนการจองซื้อของลูกค้าต่างชาติเต็มโควตา 49% และคาดว่าโครงการ A Space Mega 2 จะมียอดจองจากลูกค้าต่างชาติเต็มจำนวนเช่นเดียวกัน อีกทั้งการขายให้กับลูกค้าต่างชาติยังมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงถึง 40% ซึ่งสูงกว่าการขายให้กับลูกค้าในประเทศ ซึ่งช่วยผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยเป็น 36-37% จากปีก่อนที่ 35%
สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะเติบโตดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ตามเศรษฐกิจที่ขยายตัวจากการลงทุนภาครัฐที่เริ่มมีการลงทุนอย่างชัดเจน และหนี้สินครัวเรือนที่มีแนวโน้มลดลง แต่การแข่งขันของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยังคงมีมากขึ้น จากการเปิดโครงการที่ออกมามากต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่ต้องระมัดระวัง จากตลาดคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวโครงการออกมามาก ขณะที่ความต้องการซื้อในตลาดยังมีความผันผวน ทำให้มีความเสี่ยงสูงมากในการเปิดคอนโดมิเนียมในช่วงนี้ ซึ่งจะต้องมีการวิเคราะห์ทำเลที่จะเปิดอย่างระมัดระวังและรอบคอบ ส่วนโครงการแนวราบยังเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการซื้อโครงการแนวราบที่ยังมีสูงต่อเนื่อง โดยที่สัดส่วนการเปิดโครงการของบริษัทยังคงเป็นโครงการแนวราบสัดส่วน 60-70% และคอนโดมิเนียม สัดส่วน 30%
ด้านรายได้ของบริษัทในปีนี้มั่นใจว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 10% จากระดับ 5 พันล้านบาทในปีก่อน แม้ว่ารายได้ในครึ่งปีแรกของบริษัทจะยังไม่สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย แต่เชื่อว่าในครึ่งปีหลังรายได้จะเติบโตมากขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เพราะบริษัทเริ่มหันมาระบายสต็อกโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมโอนมากขึ้น ซึ่งมีสต็อกอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท โดยจะระบายออกไปในครึ่งปีหลัง 1 พันล้านบาท และจะระบายออกไปทั้งหมดในช่วงต้นปี 62 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการขายให้กับลูกค้าต่างชาติ อีกทั้งจะมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่จะทยอยโอนในช่วงครึ่งปีหลังอีก 700-800 ล้านบาท จาก Backlog ที่มีอยู่ทั้งหมด 4.2-4.3 พันล้านบาท โดยที่ Backlog ส่วนใหญ่จะไปโอนในช่วงปลายปี 62
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนโครงการมิกซ์ยูส บนที่ดินที่เป็นที่ตั้งของ AUA บนถนนราชดำริ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมและโรงแรม 5 ดาว จำนวน 50-60 ชั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการออกแบบใกล้แล้วเสร็จ คาดว่าจะได้ข้อสรุปแผนการลงทุนภายใน 2 เดือนข้างหน้า และคาดว่าจะเริ่มเปิดขายในช่วงไตรมาส 2/62
สำหรับงบซื้อที่ดินในปีนี้บริษัทได้ใช้ไปเกือบทั้งหมดแล้ว 1.5 พันล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินรองรับการเปิดโครงการในปี 62 โดยที่ในปี 62 บริษัทคาดว่าจะกลับมาเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น ส่วนความสนใจเข้าประมูลที่ดิน 28 ไร่ บนทำเลรัชดาภิเษก ตรงข้ามอาคาร AIA รัชดาภิเษก บริษัทไม่มีความสนใจเข้าลงทุน เพราะบริษัทจะหันมาพัฒนาโครงการที่มีแผนงานอยู่แล้ว และใช้ที่ดินในมือของบริษัทมาพัฒนาเอง