นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง (FTE) เปิดเผยว่า บริษัทฯมั่นใจผลประกอบการช่วงครึ่งหลังปีนี้จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากมีการทยอยส่งมอบงานได้ต่อเนื่อง และในช่วงไตรมาส 3/61 บริษัทสามารถประมูลงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงให้กับงานราชการ และโรงงานเอกชน มูลค่ารวมประมาณ 160 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่างานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจัดจำหน่าย 130 ล้านบาท งานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิง 270 ล้านบาท คาดจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 60%
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ยื่นประมูลงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงสถานีไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลพิจารณาคัดเลือกจำนวน 6 แห่ง คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 120 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรู้ผลภายในปีนี้
"ตลาดอุปกรณ์ดับเพลิงในปีนี้ยังมีการเติบโตได้ดี โดยมีมูลค่าตลาดรวมที่ 5 พันล้านบาท ขณะที่บริษัทก็มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 18-20% ทำให้ยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก ซึ่งทางบริษัทก็จะมีการเพิ่มสินค้าใหม่ เพื่อเป็นการขยายฐานรายได้ โดยในปีนี้มั่นใจว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เป็น 1,080 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 986 ล้านบาท และจะรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับ 10-13%"นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ กล่าวว่า บริษัทฯ จะเน้นการจำหน่ายเครื่องสูบน้ำดับเพลิงมากขึ้น โดยจะรุกการขายให้กับอาคารต่าง ๆ จากเดิมที่จะเป็นการขายให้กับงานโครงการ ซึ่งปัจจุบันตลาดเครื่องสูบน้ำดับเพลิง มีมูลค่าตลาดถึง 1 พันล้านบาททำให้มีโอกาสทางธุรกิจได้อีก หลังจากได้เริ่มเข้าไปทำตลาดนี้ เพียง 2-3 ปี หรือมีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 20%
พร้อมกันนี้บริษัทยังตั้งสำนักงานออฟฟิศที่จังหวัดระยอง โดยมองว่าระยองเป็นจุดอุตสาหกรรมทำให้มีโอกาสที่ผู้ประกอบการจะเข้ามาลงทุนกันมาก และการติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงก็ถือเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เริ่มมีออร์เดอร์สินค้าเข้ามา คาดว่าในส่วนของจังหวัดระยองจะสร้างรายได้ราว 10-20 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งบริษัทได้เพิ่มพนักงานขายแล้ว 5 ราย จากเป้าหมายทั้งปีตั้งเป้าจะเพิ่มพนักงานขายเข้ามา 10 ราย
นายทักษิณ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับตลาดอุปกรณ์ดับเพลิงในปี 62 ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากปริมาณการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชน เช่น สถานีไฟฟ้าแรงสูง รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ห้องคอมพิวเตอร์ดาต้าเซ็นเตอร์ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปร่วมประมูลงานดังกล่าว ที่คาดจะมีมูลค่าประมาณ 200-400 ล้านบาท
ส่วนในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ขยายตลาดต่อเนื่องทำให้ธุรกิจของบริษัทเป็นที่สนใจแก่นักลทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ เช่น ประเทศอเมริกา ยุโรป สิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งนักลงทุนมีการเข้ามาสอบถามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมองเห็นโอกาสของธุรกิจที่มีการเติบโต แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการขายหุ้นบิ๊กล็อตออกไปแน่นอน