นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ดี. รับเบอร์ (NDR) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทเดินหน้ารุกตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศได้มุ่งเน้นทำการตลาดมากยิ่งขึ้นและจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย ขณะที่ตลาดในประเทศมาเลเซียก็กลับมาดีขึ้นตามแผนการบุกตลาดที่วางไว้ ทำให้มั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตมาอยู่ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 830 ล้านบาท โดย 6 เดือนแรกบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 457.32 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/61 มีรายได้อยู่ที่ 251.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 201.20 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 21.87% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/61 ที่มีรายได้ 206.12 ล้านบาท โดยสาเหตุที่รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการปรับแผนการรุกตลาดทั้งตลาดในประเทศ และตลาดในประเทศมาเลเซีย และจากรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงทำให้ผลดำเนินการของบริษัทในไตรมาส 2/61 กลับมามีกำไรสุทธิจำนวน 3.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116.25% จากไตรมาส 1/61 ที่ขาดทุนสุทธิ 19.08 ล้านบาท
"แม้ว่าผลการดำเนินรวมช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทจะยังมีผลขาดทุนอยู่เป็นจำนวน 15.98 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากค่าใช้จ่ายพิเศษในการเข้าซื้อกิจการในประเทศมาเลเซียในไตรมาส 1/61 ที่ผ่านมา แต่ผลกำไรในไตรมาส 2/61 ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าการเข้าซื้อกิจการที่ประเทศมาเลเซียเป็นการตัดสินใจที่จะทำให้บริษัทมีทั้งรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าผลประกอบการของบริษัทฯหลังจากนี้จะมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง"นายชัยสิทธิ์ กล่าว
นายชัยสิทธิ์ กล่าวอีกว่า คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 16% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 11% หลังจากต้นทุนลดลง โดยปัจจุบันต้นทุนราคายางยังคงทรงตัวระดับต่ำประมาณ 45-50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นไปตามการเคลื่อนไหวของราคายางในตลาดโลก