นายสันติสุข โฆษิอาภานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โซนิค อินเตอร์เฟรท (SONIC) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น จะได้รับการตอบรับที่ดี หลังจากการเดินสายให้ข้อมูลกับนักลงทุนในต่างจังหวัดได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
ขณะที่ SONIC มีจุดแข็งด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการจัดการระบบโลจิสติกส์มานานกว่า 22 ปี จึงสามารถนำเสนอการให้บริการที่ครบวงจร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการขนส่งสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกัน SONIC ยังมีเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศ เข้ามาเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีขีดความสามารถการแข่งขันที่ดี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในการขนส่งสินค้าไปยังทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ยังนำมาใช้เพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยลงทุนเพิ่มจำนวนรถขนส่ง การพัฒนาศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าให้มีความทันสมัย การซื้ออาคารพาณิชย์เพื่อดำเนินงานสาขาแหลมฉบังและการขยายพื้นที่ให้บริการขนส่งทางบก การพัฒนาระบบสารสนเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการแก่ลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น
"เราต้องการผลักดันบริษัทฯ ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่ผู้นำธุรกิจด้านโลจิสติกส์และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ในครั้งนี้จะเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ซี่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของเราเติบโตได้ดีขึ้นในอนาคต"นายสันติสุข กล่าว
ทั้งนี้ SONIC เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน แบ่งเป็นการจัดสรร IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25.86% ของจำนวนหุ้นสามัญจดทะเบียนของบริษัทฯ ส่วนที่เหลืออีก 30 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 5.17% ของจำนวนหุ้นสามัญจดทะเบียนของบริษัทฯ เป็นการออกเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะเสนอขายให้แก่ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย (ESOP Warrant) จำนวน 30 ล้านหน่วย
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บล.โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน SONIC กล่าวว่า SONIC เป็นธุรกิจให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรระดับภูมิภาค ได้เดินสายโรดโชว์ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ รวม 3 จังหวัด ได้แก่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างวันที่ 17-19 ก.ย.ที่านมา ซึ่งมีนักลงทุนให้ความสนใจร่วมรับฟังข้อมูลทิศทางการดำเนินงานและศักยภาพทางธุรกิจของ SONIC ที่มีโอกาสเติบโตที่ดีจากปัจจัยสนับสนุนของตัวเลขการส่งออกของไทยที่ขยายตัวโดดเด่น และความได้เปรียบในเชิงภูมิศาสตร์ของไทยที่อยู่ศูนย์กลางของภูมิภาค
นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจของ SONIC ซึ่งเป็นผู้ให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรในระดับภูมิภาค โดยครอบคลุมการให้บริการตั้งแต่การเป็นตัวแทนผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเลและทางอากาศ ผ่านเครือข่ายพันธมิตร ครอบคลุม 134 ประเทศทั่วโลก รวมถึงให้บริการขนส่งสินค้าทางบกภายในประเทศ ที่มีศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าตั้งอยู่บนถนนกิ่งแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ และการบริหารจัดการสินค้าที่อยู่ระหว่างรอการขนส่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและดำเนินการขนส่งได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่จุดรับสินค้าไปจนถึงจุดหมายปลายทาง (Door-to-Door)
ขณะเดียวกัน ยังได้ให้บริการขนส่งสินค้าทางบกข้ามชายแดน (Cross-border transport) ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา และ สปป.ลาว จึงทำให้ SONIC มีขีคความสามารถการแข่งขันที่ดีมากจากการให้บริการแบบ One-Stop-Service ที่สามารถผสมผสมการให้บริการขนส่งหลายรูปแบบและต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกในการใช้บริการ
"การให้ข้อมูลแก่นักลงทุนตามหัวเมืองใหญ่ในครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะนักลงทุนต่างให้ความสนใจและสอบถามข้อมูลทิศทางการดำเนินงานและเชื่อมั่นต่อศักยภาพการเติบโตของ SONIC ที่ให้บริการโลจิสติกส์ที่ครบวงจร จึงมีขีดความสามารถการให้บริการที่โดดเด่นเหนือคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน และสามารถเก็บเกี่ยวโอกาสทางธุรกิจและผลักดันการเติบโตได้เป็นอย่างดี" นายเอกจักร กล่าว
ด้าน บล.เอเชีย พลัส ได้ออกบทวิเคราะห์หุ้น SONIC ในมุมมองต่อผลการดำเนินงาน โดยคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 61 อยู่ที่ 15.9% และในปี 2562 จะขยายตัว 28% เติบโตเด่นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มซึ่งอยู่ที่ 18% จึงกำหนดมูลค่าพื้นฐานในปี 62 โดยยึด Expected PER ที่ 25 เท่า สูงกว่ากลุ่มเฉลี่ยอยู่ที่ 22.5 เท่า มีมูลค่าพื้นฐานที่ 3.25 บาท
ขณะที่ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คาดการณ์กำไรสุทธิในปี 61 อยู่ที่ 63 ล้านบาทหรือเติบโต 37% และปี 62 จะอยู่ที่ 81 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29% ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนในรถบรรทุกหัวลาก หางลากและรถบรรทุกเพิ่มขึ้นรวมถึงการเพิ่มบุคลากรทำการตลาด จึงมองว่าอัตราการทำกำไรขั้นต้นของ SONIC จะกลับมาดีในปี 62 จึงได้ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 62 ได้ที่ 3.10 บาท