ภาคเอกชน ยันโครงการกลางเมืองยังบูม-ต่างชาติแห่ร่วมพัฒนา,แนวราบแนะแก้กม.ผังเมืองหลังที่ดินมีน้อยทำราคาพุ่งปชช.เข้าถึงยาก

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 20, 2018 17:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยมีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาก จะเห็นได้จากการโอนโครงการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไนช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาสูงขึ้น สะท้อนภาพรวมตลาดมีทิศทางที่ดี ทำให้มีกลุ่มทุนรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศสนเข้ามาร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อพัฒนาโครงการจำนวนมาก และมีแนวโน้มจะเข้ามาเพิ่มขึ้นอีกทั้งนักลงทุนจากญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และยุโรป รวมถึงผู้ประกอบการในประเทศที่มองเห็นโอกาสการเติบโต ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยผล่กดันให้การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทยมีความความน่าสนใจมากขึ้น

ทั้งนี้ ที่ดินที่มีทำเลในเมืองจะมีการพัฒนาโครงการที่มีความหลากหลายมากขึ้น และมูลค่าโครงการจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักมาจากราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะย่านรัชดาภิเษกที่จะมีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้นในอนาคตหลายโครงการ หลังจากที่ล่าสุดทาง CBRE ได้ประกาศขายที่ดินเปล่าขนาดใหญ่บนถนนรัชดาภิเษก เนื้อที่ประมาณ 28 ไร่ คาดว่าจะมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศรายใหญ่สนใจเป็นจำนวนมาก และมีโอกาสที่ราคาขายที่ดินจะสูงถึง 1 ล้านบาท/ตารางวา ซึ่งประเมินว่าจะต้องใช้มูลค่าลงทุนพัฒนาโครงการสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท

นายพรนริศ กล่าวว่า แม้ว่าราคาที่ดินดังกล่าวจะอยู่ในระดับที่สูง แต่เป็นที่ดินที่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ ซึ่งสามารถพัฒนาโครงการมูลค่าสูงกว่าราคาที่ดินถึง 10 เท่า หรืออาจมีมูลค่าโครงการสูงถึง 1 แสนล้านบาท เนื่องจากทำเลยย่านรัชดาฯ เป็นที่สนใจของชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่นิยมพักอศัยเป็นจำนวนมาก

และในอนาคตมองว่าจะมีที่ดินบริเวณที่อยู่ใกล้เคียงกับที่ดิน 28 ไร่ ที่ CBRE เปิดขายออกมา โดยเป็นที่ดินที่เคยเปิดขายมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ได้เลิกการขายไป ซึ่งเป็นที่ดินแปลงใหญ่ 30 ไร่ ราคาขาย 1.3 ล้านบาท/ตารางวา เป็นทำเลที่มีศักยภาพมาก เพราะอยู่ใกล้อินเตอร์เชจน์ของสถานีรถไฟฟ้า หากมีการพัฒนาที่ดินดังกล่าวเกิดขึ้น ก็เชื่อว่ามูลค่าโครงการจะเพิ่มสูงถึง 15 เท่าของมูลค่าที่ดิน

ขณะที่นายวสันต์ เคียงศิริ อุปนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการซื้อโครงการแนวราบยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่การเปิดตัวโครงการใหม่มีจำนวนยูนิตลดลง เนื่องจากมีข้อจำกัดเกี่ยวกับขนาดของที่ดินที่มีขนาดเล็กลง และมีข้อจำกัดของผังเมืองใหม่ที่ไม่สามารถนำมาพัฒนาเป็นหมู่บ้านจัดสรรได้ ทำให้ไม่ค่อยมีที่ดินแปลงใหม่ๆออกมาขายมากนัก ส่งผลให้มีจำนวนการเปิดโครงการแนวราบในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาที่มีจำนวนยูนิตของทั้งตลาดออกมาไม่มากเพียง 15,000 ยูนิต ซึ่งเป็นโครงการทาวน์โฮม 10,000 ยูนิต และบ้านเดี่ยว 5,000 ยูนิต

ขณะที่ความต้องการซื้อโครงการแนวราบมีปริมาณมากกว่าจำนวนยูนิตใหม่ที่เปิดขายออกมา จะเห็นได้จากการโอนโครงการแนวราบในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาสูงถึง 30,000 ยูนิต มากกว่าจำนวนยูนิตที่เปิดใหม่ และเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาขายโครงการแนวราบปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก โดยที่ปัจจุบันราคาทาวน์โฮม 3 ล้านบาท/ยูนิตเริ่มหาได้ยากแล้วในตลาด และราคาส่วนใหญ่ได้ปรับเพิ่มขึ้นไปเป็นไม่ต่ำกว่า 4-5 ล้านบาท/ยูนิตแล้ว ส่วนราคาบ้านเดี่ยวก็ได้ปรับเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 6-7 ล้านบาท/ยูนิต จากเดิม 4-5 ล้านบาท/ยูนิต และมีโอกาสปรับเพิ่มไปถึง 10 ล้านบาท/ยูนิตในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเป็นผลที่มาจากซัพพลายที่ออกมาน้อย และราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้น

ผลกระทบจากราคาขายโครงการแนวราบที่เพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชนอาจจะไม่มีความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบได้ เพราะรายได้เพิ่มขึ้นไม่ทันตามการขึ้นราคาขาย ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรจึงอยากเสนอแนะให้รัฐบาลปรับแก้กฏหมายผังเมืองในบางทำเลเพื่อช่วยให้มีที่ดินแปลงใหม่ๆ ออกมาพัฒนาโครงการแนวราบได้มากขึ้น เพื่อให้ราคาขายโครงการแนวราบอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับรายได้ของประชาชน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ