บมจ.การบินไทย(THAI) คาดว่า ในงวดปี 51 บริษัทจะทำรายได้ในระดับ 2.2 แสนล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นราว 7-10% จากงวดปี 50 ที่มีรายได้รวม 1.94 แสนล้านบาท โดยอัตราส่วนการบรรทุก(cabin factor)เฉลี่ยจะสูงขึ้นเป็น 75-76% ประกอบกับการเพิ่มเที่ยวบินใหม่ ๆ
ส่วนอัตรากำไรสุทธิขึ้นกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เป็นปัจจัยหลัก รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเครื่องบิน โดยคาดว่างวดปี 51 ราคาน้ำมันน่าจะอยู่ในระดับ 240 เซ็นต์/แกลลอน จากงวดปี 50 ที่อยู่ในระดับ 220 เซ็นต์/แกลลอน
"ที่เป็นห่วงที่สุดคือปัจจัยด้านราคาน้ำมัน เพราะที้งปีบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ 240 เซ็นต์/แกลลอน แต่ปัจจุบันมันขึ้นไปถึง 260 เซ็นต์/แกลลอน แม้ว่าจะปรับค่าเซอร์ชาร์จแล้ว แต่ก็กลัวว่าน้ำมันยังจะขึ้นต่อไป จะทำให้สูงกว่าที่ประมาณการไว้"ร.ท.อภินันท์ สุมนะเศรณีกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI
ร.ท.อภินันท์ กล่าวว่า บริษัทจะเน้นการทำการตลาดในแถบเอเชีย โดยเชื่อว่าธุรกิจการบินในปี 51 จะยังมีการแข่งขันสูง แต่ดีมานด์ก็จะสูงขึ้นด้วย ทั้งเส้นทางบินไปยังจีนและอินเดีย ขณะที่บริษัทก็ต้องปรับตัวมาสู้กับสายการบินต้นทุนต่ำ และพยายามรักษาตลาดยุโรปและออสเตรเลียที่การบินไทยได้รับความนิยมสูง ส่วนเส้นทางไปยังสหรัฐยังไม่มีการยกเลิกเที่ยวบิน แต่อาจปรับเปลี่ยนตารางบินในช่วงฤดูร้อน
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI กล่าวอีกว่า ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดเข้ามาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะทุกพรรคมีแนวทางที่ต้องการสนับสนุนให้มี single airport ซึ่งตรงกับแนวทางการทำงานของการบินไทยอยู่แล้ว
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะประธานคณะกรรมการ THAI กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทในงวดปี 51 น่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของคณะกรรมการ โดยจะเน้นให้การบินไทยเป็นสายการบินที่ปลอดภัย ตรงต่อเวลา และมีบุคลากรที่ให้บริการกับลูกค้าอย่างพึงพอใจ
ส่วนกรณีที่มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศนั้น พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่กังวล และไม่คิดจะลาออกจากตำแหน่งในการบินไทย
"ไม่มีใครสามารถบังคับให้ผมออกจากตำแหน่ง ถ้าผมอยากจะออกก็จะออกเอง ไม่ต้องออกตามวาระทางการเมือง และไม่กลัวใคร ที่จะเข้ามาตรวจสอบ ผมไม่มีอะไร สบาย ๆ "พล.อ.อ.ชลิต กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย ศศิธร ซิมาภรณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--