ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 190 จุดเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) หลังจากมีข่าวว่า นางเบนาซีร์ บุตโต ผู้นำพรรคฝ่ายค้านและอดีตนายกรัฐมนตรีของปากีสถาน ถูกลอบสังหารโดยมือระเบิดพลีชีพ ในระหว่างที่กำลังหาเสียงเลือกตั้งท่ามกลางผู้สนับสนุนหลายพันคน โดยนางบุตโตเสียชีวิตที่โรงพยาบาลราวาลพินดีที่ซึ่งเธอถูกนำตัวเข้ารับการรักษาหลังจากที่เธอถูกยิง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่อ่อนแอเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 192.08 จุด หรือ 1.42% แตะระดับ 13,359.61 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 21.39 จุด หรือ 1.43% แตะระดับ 1,476.27 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 47.62 จุด หรือ 1.75% แตะระดับ 2,676.79 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 2.27 พันล้านหุ้น เพิ่มขึ้นจากวันพุธที่ 1.94 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.45 พันล้านหุ้น
ในช่วงแรกนั้น ข่าวการเสียชีวิตของนางบุตโตได้ฉุดดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 64.13 จุด หรือ 0.47% แตะที่ระดับ 13,487.56 จุด ซึ่งเหตุวุ่นวายทางการเมืองซึ่งถือเป็นปัจจัยลบในสายตาของนักลงทุน และข่าวดังกล่าวยังได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันและราคาทองปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
ทั้งนี้ ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารแล้ว คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในปากีสถาน ขณะที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประณามเหตุการณ์ลอบสังหารนางบุตโต พร้อมกับเรียกร้องให้นำตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้มารับโทษให้ได้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรู้สึกผิดหวังต่อรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.ขยับขึ้นเพียง 0.1% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.2%
ขณะที่สำนักงานคอนเฟอร์เรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 88.6 จุด จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 87.8 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค.และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง
"นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เพราะตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ" นายทอม ฮิกกินส์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเพย์เดน แอนด์ ไรเกล อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์ ในลอสแองเจลิสกล่าว
หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 2.9% หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซค์ ประเมินว่า ซิตี้กรุ๊ปอาจต้องตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นจากระดับ 8 พันล้านดอลลาร์ที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนพ.ย. ซึ่งจะทำให้ซิตี้กรุ๊ปต้องลดการจ่ายเงินปันผล และต้องหาทางระดมทุนอีกกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะที่หุ้นเมอร์ริล ลินช์ ดิ่งลง 2.5% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 43.64 ดอลลาร์ หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ได้แสดงความกังวลว่าวาณิชธนกิจทั้ง 2 แห่งอาจต้องสำรองบัญชีหนี้สูญเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--