นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี (AEC) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค (KWM) กล่าวว่า หลังจากที่ได้เปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายที่ 1.30 บาท/หุ้น ระหว่างวันที่ 19-21 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าหุ้นของ KWM ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อหุ้นไอพีโออย่างมาก เนื่องจากมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่มีศักยภาพสูงในการเติบโต มีอนาคตสดใส
ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 1.30 บาท/หุ้น เป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับผลประกอบการและปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ มี P/E Ratio ที่ 22.95 เท่า เมื่อคำนวณจากผลประกอบการรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 เปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ย ของหมวดสินค้าอุตสาหกรรมของตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในช่วง 12 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2561 มีค่าเท่ากับ 28.76 เท่า จึงมั่นใจว่า KWM จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และเข้าทำการซื้อขายวันแรกได้อย่างประทับใจ
"ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากสำหรับการเสนอขายหุ้นไอพีโอของ KWM มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก คาดว่าเป็นผลจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในธุรกิจ และศักยภาพการเติบโต จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของผู้บริหารซึ่งมีประสบการณ์ในธุรกิจ การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตรซึ่งมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน และการมีคู่ค้ารายสำคัญเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเกษตร รวมทั้งการมีทีมงานที่แข็งแกร่ง รายได้เติบโตต่อเนื่อง เป็นอีกบทพิสูจน์ให้เห็นว่าบริษัท KWM ได้รับความเชื่อถือ เชื่อมั่น และพร้อมที่จะเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต"นายชนะชัย กล่าว
นายชนะชัย กล่าวว่า การเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ของ KWM ครั้งนี้ จะยิ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ KWM มากยิ่งขึ้น และเชื่อว่าจะสามารสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในระยะยาว นอกจากนี้ราคาขายหุ้นไอพีโอที่ 1.30 บาท/หุ้น ถือเป็นระดับราคาที่น่าสนใจ โดยหุ้นจะเข้าเทรดวันแรกวันที่ 1 ตุลาคมนี้
ด้านนายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร ของ KWM กล่าวว่า หุ้นไอพีโอของบริษัทฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ เนื่องจาก KWM ถือเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร พร้อมทั้งมีการวิจัยและพัฒนาคุณภาพของอุปกรณ์การเกษตรด้วยตนเอง จุดเด่นที่ทำให้ KWM แตกต่างจากคู่แข่ง คือ บริษัทมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในผลิตภัณฑ์โดยอาศัยความรู้และความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมเพื่อใช้ในการผลิตใบผาล ใบจักร ใบคัดท้าย โครงผาล และรวมถึงใบดันดิน และบริษัทฯยังได้เป็นผู้ผลิตสินค้าประเภท ใบผาล ใบจักร ใบคัดท้าย โครงผาล ให้กับบริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่บริษัทจำหน่ายจึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและมีการควบคุมมาตรฐานให้เป็นไปตามที่บริษัทคูโบต้ากำหนด
"แม้ KWM จะเป็นบริษัทฯ ขนาดเล็ก แต่ก็มั่นใจในศักยภาพ และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างความมั่นคง อีกทั้งสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต ในฐานะผู้บริหาร รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นไอพีโอเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการเติบโตของธุรกิจ และมั่นใจทีมผู้บริหารจะดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น เชื่อว่าการเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในวันที่ 1 ต.ค.2561 นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน" นายเอกพันธ์ กล่าว
นายเอกพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ 156 ล้านบาท บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และชำระคืนเงินกู้ยืมให้สถาบันการเงิน เพิ่มโอกาสในการเติบโตให้บริษัท โดยบริษัทฯ มีนวัตกรรม เทคโนโลยี พื้นฐานเทคนิคด้านการเกษตร หากมีการพัฒนาที่ดี มองว่าอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตรบ้านเรายังโตได้อีก ซึ่ง KWM พยายามจะโตในสิ่งที่เราจะโตได้ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีด้านการเกษตร ซึ่งจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป