นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ (24-28 ก.ย.) ว่า ช่วงสัปดาห์นี้ปัจจัยที่ตลาดจับตามองคือการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 25-26 ก.ย. ประเด็นที่นักลงทุนรอดูคือจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจาก 2.00% ไปเป็น 2.25% ตามที่ตลาดคาดหรือไม่ รวมถึงจำนวนครั้งที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศขึ้นดอกเบี้ยด้วย หากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้ง อาจเป็นลบต่อตลาดในเรื่องกระแสเงินลงทุน (Fund Flow) ที่ไหลออกจากหุ้นหรือสินทรัพย์เสี่ยง
ส่วนประเด็นเรื่องการค้าสหรัฐฯกับจีนในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯได้ประกาศชื่อสินค้าที่มีการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ในขณะที่จีนตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯจำนวน 6 หมื่นล้านเหรียญฯ พร้อมกับยกเลิกการเจรจาการค้ารอบใหม่ KTBST มองว่า ตลาดรับรู้ข่าวนี้มาระดับหนึ่งแล้ว แม้จะมีผลกระทบต่อการค้าของโลกอยู่บ้าง แต่ยังไม่ปรากฏผลในเชิงตัวเลข ดังนั้นจึงมองว่านักลงทุนน่าจะลดความกังวลลงไป แต่ต้องติดตามดูการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้
ด้านราคาน้ำมันดิบที่กลับขึ้นมาแตะระดับ 80 เหรียญฯ อีกครั้ง เป็นปัจจัยบวกต่อผู้ผลิตน้ำมันหากราคายืนเหนือระดับ 80 เหรียญฯได้ โดยหลังผลประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมานั้น ยังไม่สามารถระบุทิศทางของราคาน้ำมันได้มากนัก ทำให้ผู้ผลิตปิโตรเคมีต้องมาดูว่าจะคงส่วนต่างของระดับราคา (Spread) เช่นเดิมได้หรือไม่
สำหรับภาพของการลงทุนในสัปดาห์นี้ KTBST มองว่า ตลาดยังคงให้น้ำหนักในทางบวกต่อการเลือกตั้งและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยมากขึ้นทำให้หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ (Domestic play) ทยอยปรับตัวขึ้น โดยการเลือกตั้งนั้น KTBST คาดว่าภายใน 1 – 2 สัปดาห์นี้ รัฐบาลน่าจะมีการเผยวันเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการออกมา ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น และจากการที่รัฐบาลเริ่มดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจมาได้ระยะหนึ่ง จะทยอยส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจตามลำดับ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ในไตรมาส 4 นี้เป็นต้นไป
ดังนั้น กลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์นี้ KTBST ยังคงคำแนะนำเหมือนในสัปดาห์ก่อน นั่นคือ ตลาดกลับมารับปัจจัยบวกมากขึ้น แรงซื้อหุ้นที่จะเกิดขึ้นในรอบนี้จะเน้นไปที่หุ้นที่มีปัจจัยบวกสนับสนุน โดยเฉพาะจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือรับผลบวกจากการเลือกตั้ง รวมถึงหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มดี แต่นักลงทุนอาจต้องเลือกหุ้นที่ราคาขึ้นมาไม่มาก และสลับขายหุ้นที่ราคาขึ้นมามากออกไปบ้าง
ทั้งนี้ คาดการณ์กรอบ SET Index ที่ 1,750-1,780 จุด โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ KTC, HMPRO, KBANK, CPALL, SCC และหุ้นที่มีปัจจัยอื่นๆสนับสนุน เช่น BANPU , PCSGH, PTTGC , WICE และ WORK