นายติยะชัย ชอง กรรมการผู้จัดการ บลจ.ฟิลลิป เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการ (AUM) ในปี 62 เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท โดยจะเน้นการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไป กลุ่มลูกค้าสินทรัพย์สูง และกลุ่มสถาบัน โดยทางบริษัทจะเน้นการออกกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศเป็นหลัก และมีรูปแบบของการลงทุนที่แตกต่าง เพื่อดึงดูดความน่าสนใจลงทุน
"เราจะเน้นการลงทุนในต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งตัวผมเองมีความเชี่ยวชาญค่อนข้างมาก เพราะตัวผมเองเคยมีประสบการในต่างประเทศมาก่อน และผมเองเคยดูแลกองทุนที่มีขนาดใหญ่ถึง 1 ล้านล้านเหรีญ ซึ่งการที่มาที่นี่ผมจะเน้นสินค้าที่มีความแปลกใหม่ และเป็นเมกะเทรนด์ ซึ่งวันนี้เราก็ได้ออกกองชื่อ PWIN ที่ลงทุนในกลุ่มธุรกิจอีสปอร์ต ไซเบอร์ซิเคียวริตี้ นวัตกรรมอินเตอร์เน็ต นวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมต่างๆ และธุรกิจไบโอเทคโนโลยี จะเห็นได้ว่าเป็นธุรกิจใหม่ ที่มีโอกาสการเติบโตที่สูงมาก"นายติยะชัย กล่าว
วันนี้ บล.ฟิลลิป ออกกองทุนใหม่คือ กองทุนเปิดฟิลลิปเวิลด์อินโนเวชั่น (PWIN) ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนต่างประเทศ และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศที่เน้นลงทุนในตราสารทุนที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นหลัก โดยกระจายการลงทุนใน 5 ธีมที่เป็นเมกะเทรนด์ ได้แก่ อีสปอร์ต-วีดีโอเกม ไซเบอร์ซิเคียวริตี้ นวัตกรรมอินเตอร์เน็ต นวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมต่างๆ และธุรกิจไบโอเทคโนโลยี
นายติยะชัย กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะมี AUM ของกองทุนเปิดฟิลลิปเวิลด์อินโนเวชั่น (PWIN) ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท จากมูลค่ากองทุนรวมไม่เกิน 1,000 ล้านบาท โดยคาดการณ์ผลตอบแทนการลงทุนราว 15-16% ต่อปี
ปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนจำหน่ายกองทุนอยู่ทั้งหมดกว่า 10 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ บล.ธนชาต โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทหลักทรัพย์อีกหลายรายเพื่อที่จะให้เป็นตัวแทนการจัดจำหน่ายกองทุนของบริษัท
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะทำให้ บลจ.ฟิลลิป เป็นผู้ประกอบการที่มีรูปแบบของดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยมองการขายกองทุนในรูปแบบที่ง่ายที่สุด ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการ e-Wallet 1 ราย และยังศึกษาช่องทางเพิ่มเติมอีกหลากหลายช่องทาง เพื่อที่จะให้สามารถเข้าถึงนักลงทุนมากขึ้น และมีความสะดวกสะบายในการลงทุนด้วย
"จริงๆแล้วเราอยากเห็นการเข้าถึงการลงทุน และให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้นถึงการลงทุน ซึ่งเราจะเอาลูกค้าเป็นหลัก และกองทุนของเราจะมีความแปลกใหม่ของการลงทุน รวมถึงให้ผลตอบแทนที่แน่นอน ด้วยการมองถึงสิ่งที่แตกต่างจากกองทุนอื่นๆ เพื่อดึกดูดลูกค้าเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะที่เป็นการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันเราอยู่ระหว่างศึกษาในประเทศเวียดนาม แม้ว่าจะเห็นมีออกมาเยอะแล้วก็ตาม แต่เราจะทำให้แตกต่าง
นอกจากนี้เราจะทำให้ผู้ต้องการลงทุนเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น โดยการลงทุนผ่านช่องทางต่างๆที่เป็น ฟินเทค ซึ่งได้เริ่มต้นการเจรตากับผู้ประกอบการ e-Wallet 1 ราย แล้ว และอนาคตจะมีการพูดคุยกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เพิ่มเติม เพื่อหาช่องทางใหม่ๆอีก "นายติยะชัย กล่าว