นายณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (BMN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงแผนยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปี 63 เพื่อขยายธุรกิจให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตเป็น 650 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 615 ล้านบาท เป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารที่มาใช้บริการรถไฟฟ้า MRT หรือมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 5-10% ขณะที่มองแนวโน้มในปีหน้าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นอีก จากการเปิดให้บริการส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค โดยคาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มเป็น 500,000 คน/วัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 350,000 คน/วัน
ส่วนการเปิดให้บริการ Metro Mall ปัจจุบันบริษัทเปิดให้บริการไปแล้วใน 9 สถานี ได้แก่ สุขุมวิท, พระราม 9, จตุจักร, พหลโยธิน, กำแพงเพชร, ศูนย์วัฒนธรรม ,คลองเตย,เพชรบุรี,ลาดพร้าว (ส่วนของกูร์เมต์ มาร์เก็ต) และเตรียมที่จะเปิดให้บริการเพิ่มอีก 2 สถานี ได้แก่ สถานีลาดพร้าว และสถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ภายในต้นปี 62 ทำให้การเปิดให้บริการ Metro Mall จะรวมเป็นทั้งหมด 11 สถานี จากจำนวนสถานีให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินทั้งหมด 19 สถานี
ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่ Metro Mall ที่สถานีจตุจักร คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในต้นปี 62 และเตรียมที่จะปรับปรุงพื้นที่ Metro Mall สถานีพหลโยธิน ภายในไตรมาส 2/62 อีกทั้งก็อยู่ระหว่างศึกษาที่จะเปิด Metro Mall ในสถานีรัชดาภิเษกเพิ่มเติมอีก โดยบริษัทจะใช้งบประมาณในการเปิดประมาณ 20 ล้านบาท/สถานี
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ธุรกิจ Metro Mall ในอนาคตรายได้ยังมีการเติบโตได้อีกมาก หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% จากปีก่อนที่มีการเติบโตถึง 50% ตามการเปิด Metro Mall ตามสถานีรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายภายใน 3-5 ปี บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจให้เช่าพื้นที่ใน Metro mall เพิ่มเป็น 20% จากปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากการพื้นที่ให้เช่าโฆษณา 60%, พื้นที่ให้เช่าโทรคมนาคม 30% และพื้นที่ให้เช่าใน Metro Mall 10%
"เรามองธุรกิจรีเทลยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก จากจำนวนผู้ใช้รถไฟฟ้า MRT ที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสถานี โดยเราจะมีการให้บริการ เช่น ร้านอาหาร เครื่องดื่ม แฟชั่น ธนาคาร และเซอร์วิสต่างๆ โดยเรามีเป้าหมายขยายตัวภายใต้คอนเซ็ปต์ Grab&Go ที่มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า หรือกลุ่มวัยทำงาน และเริ่มทำงาน"นายณัฐวุฒิ กล่าว