ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงในวันนี้ (28 ธ.ค.) หลังจากที่เกิดเหตุลอบสังหารนางเบเนซีร์ บุตโต ผู้นำฝ่ายค้านของปากีสถาน รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่อ่อนตัวลงจนทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้
การเสียชีวิตของนางบุตโต อดีตนายกฯปากีสถานนั้น ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเมืองในภูมิภาค ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนซึ่งรวมถึงเครื่องบินพาณิชย์และอุปกรณ์ใช้งานภายในบ้าน ขยับตัวขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ที่ 2.2%
กระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้น 1,000 ราย แตะระดับ 349,000 ราย ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลงแตะระดับประมาณ 340,000 ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว
"ตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลงตามตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทรุดลงอย่างหนักเมื่อคืนที่ผ่านมาและตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ปิดลดลง โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยเมื่อวานนี้ได้เพิ่มความวิตกกังวลให้กับความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐและแนวโน้มที่ว่าเศรษฐกิจอาจซบเซาลงในปี 2551" โฮเวิร์ด จอร์เจียส รองประธานเซาท์ ไชน่า ซิเคียวริตี้ส์กล่าว
สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งปิดร่วงลง 472.33 จุด หรือ 1.7% ปิดที่ 27,370.60 โดยมีปริมาณการซื้อขายเบาบางที่ 7.822 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง
หุ้นแบงค์ ออฟ อีสท์ เอเชีย (BEA) เพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์ หรือ 2.7% หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า ผู้ถือหุ้นชาวสเปนได้ปรับเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นในธนาคารมาเป็น 8.9% โดย BEA กล่าวว่า จะใช้เงินเกือบ 4 พันล้านซึ่งได้จากการขายหุ้นใหม่ๆ เพื่อนำไปขยายการดำเนินงานในจีน
ดัชนีภาคธุรกิจการเงินร่วงลง 436.79 จุด หรือ 1.1% แตะระดับ 39,245.20 จุด โดยหุ้นกลุ่มธนาคารของจีนเป็นแกนนำให้ดัชนีร่วงลงในวันนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าจีนอาจออกมาตรการคุมการขยายตัวด้านสินเชื่อเพิ่มเติม
"มีกระแสข่าวว่าจีนอาจออกมาตรการคุมเข้มอัตราการขยายตัวทางด้านสินเชื่อในปี 2551 ที่ระดับ 12% เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 15% ในปีนี้" นายจอร์เจียสกล่าว
หุ้นไชน่า คอมสตรัคชั่น แบงค์ (ซีซีบี) ลดลง 17 เซนต์ หรือ 2.5% และหุ้นไอซีบีซี ลดลง 13 เซนต์ หรือ 2.3%
ส่วนหุ้นกลุ่มโทรคมนาคมส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนต่างพากันเทขายทำกำไรหลังจากที่ราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้
หุ้นไชน่า เทเลคอม ลดลง 9 เซนต์ หรือ 1.4% หุ้นไชน่า เน็ทคอม ร่วงลง 95 เซนต์ หรือ 4% หุ้นไชน่า ยูนิคอม ลดลง 10 เซนต์ และหุ้นไชน่า โมบาย ยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยร่วงลง 3.60 เซนต์ หรือ 2.6% ซึ่งเป็นผลมาจากความวิตกกังวลว่าการปรับโครงสร้างภาคโทรคมนาคมที่กำลังจะมีขึ้นนั้น อาจจะส่งผลให้บริษัทมีประกอบการลดลง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--