นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) (TPLAS) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายปี 61 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง จากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหารและถุงหูหิ้ว พร้อมทั้งฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหารเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี เพราะเป็นช่วงที่มีการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคมากขึ้น และยังเป็นการสอดรับแผนการเลือกตั้งของภาครัฐที่จะเกิดขึ้นในต้นปีหน้าอีกด้วย
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการขยายอาคารโรงงานใหม่และการติดตั้งเครื่องจักรใหม่สำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติก และปรับปรุงอาคารโรงงานเดิม รวมถึงสำนักงานบริษัทฯ เพื่อรองรับความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จากถุงพลาสติก และการขยายตลาดนั้น คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างและจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 62 ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากกำลังการผลิตปัจจุบัน 10,281.60 ตันต่อปี แบ่งเป็น ถุงพลาสติกประมาณ 850 ตันต่อเดือน และฟิล์มถนอมอาหาร (PVC) อยู่ที่ 1,411.20 ตันต่อปี หรือประมาณ 120 ตันต่อเดือน โดยบริษัทจะนำเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนมาต่อยอดการผลิต
"บริษัทมั่นใจว่าหลังจากดำเนินการขยายอาคารโรงงานใหม่ และการติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จ จะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบจากผลการดำเนินงานในปี 60 ที่มีรายได้จากการขายรวม 530.96 ล้านบาท กำไรสุทธิ 22.09 ล้านบาท และงวด 6 เดือนปี 61 มีรายได้จากการขายรวมที่ 273.14 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 12.52 ล้านบาท เป็นไปตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเติบโตเศรษฐกิจในประเทศ และราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ประชาชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น"นายธีระชัย กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมกับการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยจะเน้นเจาะในกลุ่มลูกค้าทั่วไป และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมอาหารที่ต้องการเก็บรักษาสินค้าและวัตถุดิบให้อยู่ได้นาน รวมถึงห้างสรรพสินค้า และโรงแรม ที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ
และในอนาคตบริษัทฯมีแผนเพิ่มช่องทางการตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เนื่องจากมองว่ายังคงมีความต้องการใช้ถุงพลาสติกเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากสามารถเข้าไปเจาะตลาดได้ก็จะส่งผลให้บริษัทสามารถกระจายความสี่ยงของรายได้ได้ดีขึ้น เนื่องจากฐานลูกค้าหลักของบริษัทเป็นกลุ่มลูกค้า ประเภทซาปั๊ว กว่า 5,000 รายกระจายไปทั่วทุกจังหวัดในประเทศ
"ภาพรวมอุตสาหกรรมถุงพลาสติกในประเทศมีการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% ในปี 61 จากมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาทในปี 60 จากการเติบโตเศรษฐกิจในประเทศ และราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ประชาชาชนมีกำลังซื้อ รวมทั้งการเติบโตของร้านค้า เช่น ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าส่ง ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าต่างๆ ซึ่งขยายตัวและมีการก่อสร้างในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มขึ้น เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ ร้านค้าเหล่านี้จะมีความต้องการใช้ถุงพลาสติกที่เพิ่มขึ้น"นายธีระชัย กล่าว