นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปฏิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่า ตลท.เสนอจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น แต่เป็นแค่เพีงการแสดงความคิดเห็นต่อบทความงานวิจัยของนักวิชาการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งมีหนึ่งในแนวทางเป็นการตั้งหน่วยงานกลางที่จะทำหน้าที่ให้สภาพคล่องฉุกเฉินให้กับตลาดทุนกรณีที่เกิดการช็อคในตลาดทุนแล้วราคาสินทรัพย์หรือสภาพคล่องของภาคตลาดทุนปรับลดลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ภาวะช็อกในตลาดหุ้น มักเกิดจากการรับรู้ข่าวสารที่ช้ากว่า หรือการรับรู้ข่าวสารในวงเล็ก ซึ่งควรที่จะปรับให้การสื่อสารออกในวงกว้าง และ ทำความเข้าใจให้ประชาชน และ ตลาดให้เข้าใจได้ถูกต้อง ไม่เกิดความตระหนก อีกทั้งในบางครั้งราคาสินทรัพย์อาจจะปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว อาจจะส่งผลต่อแผนการดำเนินกิจการ หรืออาจจะส่งผลให้เกิดการขาดทุน จึงเสนอว่าควรที่จะมีแนวทางในการที่จะเพิ่มทุนของบริษัทได้อย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะให้ปัญหาดังกล่าวนั้นลดลง
"ผมไปแสดงความคิดเห็นในบทความงานวิจัยที่นักวิชาการแบงก์ชาติเสนอ ไม่ได้บอกว่าจะจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น เพียงแต่แสดงความคิดเห็นว่าตลาดทุนไม่มีแหล่งเงินทุนที่จะสามารถเข้ามาดูแลได้อย่างรวดเร็ว เราจึงมามองว่าควรจะมีไหม อันนี้ คือ คำถามแรก คนที่จะเข้ามาควรเป็นอย่างไร ไม่ใช่เรื่องกองทุนพยุงราคาหุ้น มันคนละเรื่อง อันนี้คือการปล่อยกู้ให้กับคนที่ไม่มีสภาพคล่องในระบบ"ผู้จัดการ ตลท.กล่าว
นายภากร ยังกล่าวถึงกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ว่า เป็นสิ่งที่พูดมาตลอดว่าการไหลเข้า-ออกของเงินทุนมาจากปัจจัยภายนอก เช่น นโยบายจากเฟด นโยบายการค้าของแต่ละประเทศ การลดการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินโลก ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก ยกตัวอย่าง ตลาดเกิดใหม่ที่มีเงินไหลออกในช่วงที่ผ่านมา
แต่ที่น่าสนใจในขณะนี้พบว่าเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทยน้อยมาก และกลับพบว่ามีเงินไหลกลับเข้ามาด้วยซ้ำ โดยมาจากหลายเหตุผลประกอบกัน ได้แก่ ภาคเศรษฐกิจเติบโตได้ดี ทั้งภาคการส่งออก การลงทุนภาครัฐ การลงทุนเอกชน และ ภาคท่องเที่ยว ขณะที่บริษัทจดทะเบียนไทยมีผลประกอบการและกำไรที่ดี และการเมืองที่มีความชัดเจนมากขึ้น แต่ปัจจัยลบมาจากภายนอกทั้งนั้น จึงอยากฝากเตือนนักลงทุนให้ดูแลเรื่องนี้ด้วย