นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเช้านี้จะแกว่ง Sideway บวกลบไม่มาก แต่มีโอกาสที่ปรับขึ้นเล็กน้อย แม้คาดว่าจะไม่มีการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (window dressing) ในวันทำการสุดท้ายของสิ้นไตรมาส 3/61 หลังดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นมาแล้วราว 5% หลังจากที่ไทยมีความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดอาจจะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/61 ของกลุ่มแบงก์ที่จะทยอยออกมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ต.ค.โดยตลาดคาดการณ์ว่ากำไรปกติจะปรับตัวขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ดอกเบี้ยตามการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นและการตั้งสำรองที่ลดลง แต่จะปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนจากการแข่งขันเรื่องค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นเมื่อวานนี้ และยังทรงตัวในระดับสูง น่าจะยังเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีด้วย
ขณะเดียวกันตลาดก็ได้ซึมซับปัจจัยจากต่างประเทศ ทั้งในส่วนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 0.25% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ รวมถึงกรณีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก หลังจากที่ได้ปรับขึ้นภาษีระหว่างกันไปแล้วบางส่วนก่อนหน้านี้ ทำให้ความกังวลของตลาดผ่อนคลายลง
ทั้งนี้ น่าจะทำให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับปัจจัยในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่มีความชัดเจนมากขึ้น ขณะที่แรงขายของนักลงทุนต่างชาติชะลอตัวลงหลังจากที่มียอดขายตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันราว 2.1 แสนล้านบาท และแรงขายเริ่มผ่อนคลายในช่วงเดือนนี้ โดยในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มมีแรงซื้อสลับเข้ามาด้วย ที่ามกลางปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศที่ยังแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) หลายแห่งที่มีปัญหาเรื่องค่าเงิน
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,742 จุด และแนวต้านบริเวณ 1,760 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 ก.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,439.93 จุด เพิ่มขึ้น 54.65 จุด (+0.21%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,914.00 จุด เพิ่มขึ้น 8.03 จุด (+0.28%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,041.97 จุด เพิ่มขึ้น 51.60 จุด (+0.65%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 283.27 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.49 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 163.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 15.90 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 14.05 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.73 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 6.92 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ก.ย.61) 1,752.95 จุด เพิ่มขึ้น 3.02 จุด (+0.17%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,740.16 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ก.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 ก.ย.61) ปิดที่ 72.12 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 ก.ย.61) ที่ 5.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.42 ทรงตัวจากวานนี้ นักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนของธปท.และสหรัฐฯในวันนี้
- ธปท.ออกโรงคุมสินเชื่อ จำนำทะเบียนรถ ออกเกณฑ์ห้ามคิดดอกเบี้ยบวกค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ไม่เกิน 28% ตามเกณฑ์สินเชื่อบุคคล พบปัจจุบันมีผู้ประกอบการทำธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถอยู่แล้วในตลาดกว่า 1 พันราย คิดดอกเบี้ยโอเวอร์ถึง 65% พร้อมจัดระเบียบเกณฑ์กำกับดูแล กำหนดทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 5-50 ล้านบาท กำหนดเพดานดอกเบี้ยไม่เกิน 28% เริ่มพฤศจิกายนนี้
- สคร.ระบุรัฐบาลตั้งเป้าผลตอบแทน"ทีเอฟเอฟ" 3 ปีแรกขั้นต่ำ ปีละ 5% หวังจูงใจรายย่อยซื้อหน่วยลงทุน กำหนดราคาจองซื้อที่ 10 บาทต่อหน่วย เริ่มขาย 13-16 ต.ค.นี้ เผย "เทมาเส็ก" สนใจร่วมลงทุน
- คลังแจงเฟดขยับดอกเบี้ย ไม่ส่งผลกระทบกับตลาด เป็นไปตามที่คาด พร้อมระบุยังไม่ถึงเวลาที่ไทยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จี้ธปท.ดูแลสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์หลังมองเห็นสัญญาณเสี่ยง
- สหรัฐขู่ตัดสิทธิ์จีเอสพีสินค้าได้ พร้อมบี้แก้ปัญหาแรงงาน 7 ข้อตามมาตรฐานสากล พร้อมเปิดตลาดนำเข้าเนื้อหมูเครื่องในที่มีสารเร่งเนื้อแดงตกค้าง ด้านพาณิชย์ยันไทยแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ส่วนเปิดนำเข้าหมูต้องรอผลวิเคราะห์ผลดี-ผลเสีย อีก 8 เดือน
- สศค.เผยภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน ส.ค.61 ได้รับแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะจากการบริโภค ซึ่งสะท้อนจากการขยายตัวต่อเนื่องของปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกรอบ 7 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 70.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 43 เดือน สำหรับเศรษฐกิจไทยด้านการผลิตยังคงขยายตัวได้ดีในภาคการเกษตร ซึ่งสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้เกษตรกรขยายตัวและเป็นฐานการขับเคลื่อนการบริโภคสำคัญ
- ตลท.ยังไม่ได้เสนอให้ตั้งกองทุนพยุงหุ้น แต่เป็นเพียงการให้ความคิดเห็นในลักษณะการวิจารณ์งานวิจัยในการสัมมนาประจำปีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยเสนอแนวทางว่า การป้องกันช็อกที่มาจากการเชื่อมโยงของระบบการเงิน คือ ต้องสร้างเครื่องมือใหม่ที่มีประสิทธิภาพมาช่วยป้องกันไม่ให้ลุกลามจนกระทบในภาพรวม รวมทั้งเสนอความเห็นให้มีหน่วยงานกลางทำหน้าที่ให้สภาพคล่องฉุกเฉินกับตลาดทุนกรณีเกิดวิกฤติที่ช็อกตลาดทำให้ราคาสินทรัพย์ หรือสภาพคล่องปรับลดลงอย่างรวดเร็ว โดยหน่วยงานกลางนี้มีหน้าที่ลดผลกระทบจากราคาสินทรัพย์ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
- กบง.เตรียมหารือวันนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมัน ส่วนจะอุดหนุนดีเซลเพิ่มมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับที่ประชุม โดยขณะนี้กองทุนน้ำมันอุดหนุนดีเซล B7 ที่ 15 สตางค์ต่อหน่วย และB20 ที่ 3.10 บาทต่อหน่วย
- อธิบดีกรมโยธาธิการ เผยร่างผังเมืองอีอีซีคลอดพ.ย.นี้ เผยแนวคิดเมืองใหม่อยู่รอบสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงรัศมี 4 กม. ปรับพื้นที่เกษตรเสื่อมโทรมมาใช้ประโยชน์ พร้อมเปิดให้พื้นที่ให้อุตสาหกรรมใหม่ รองรับกิจการที่ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม
"คณิศ"เน้นพัฒนาฉะเชิงเทรา 4 ด้าน เล็งชงกพอ.เคาะ 4 เมกะโปรเจค 4 ต.ค.นี้
*หุ้นเด่นวันนี้
- GFPT (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 16.50 บาท เชื่อราคาหุ้นฟื้นขึ้น 20% จากจุดต่ำยังเป็นแค่ช่วงต้น ๆ เพราะยังต่ำกว่าช่วงกลางปี 60 ราว 30% ไม่ได้สะท้อนคาดการณ์การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งทั้งหมดในปี 62 ที่จะเริ่มตั้งแต่ครึ่งหลังปีนี้แรงหนุนจากหลายปัจจัย เช่น ราคาเนื้อไก่ภายในประเทศผ่านจุดต่ำขึ้นมา ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง ปริมาณการส่งออกเนื้อไก่แข็งแกร่ง และการอนุญาตให้นำเข้าเนื้อไก่ของไทยในจีน ทั้งนี้ จากการที่อุตสาหกรรมเนื้อไก่ในประเทศไทยจะยังคงมุ่งสู่ทิศทางขาขึ้นต่อไปอีกในระยะกลาง จึงประเมินว่ากำไรปี 62 จะฟื้นแข็งแกร่งที่ 56% YoY เป็น 1.7 พันล้านบาท
- KTB (ไอร่า) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมายที่ 23.30 บาท ภายใต้ทิศทางดอกเบี้ยกลับสู่ขาขึ้น คาดธนาคารที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด ได้แก่ KTB และ BBL จากสัดส่วนสินเชื่ออิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูงถึง 88% และ 85% ของสินเชื่อรวม ตามลำดับ แต่คาดสินเชื่อปี 61 ของ KTB ไม่โดดเด่น ส่วนหนึ่งจากปรับลดสินเชื่อเสี่ยง เช่น สินเชื่อโรงสี และสินเชื่อสหกรณ์ เป็นต้น แต่คาดตั้งสำรองหนี้ลดลงจาก 44,000 ล้านบาทเมื่อปี 60 เป็น 32,000 ล้านบาท ทำให้คาดกำไรสุทธิปีนี้ที่ 31,100 ล้านบาท เติบโต 39% และยังมี Upside หากประมูลขายที่ดิน AQ สำเร็จกว่า 4,300 ไร่ วันที่ 17 ต.ค.61
- TOP (เอเอสแอล) ให้ราคาเหมาะสมที่ 108 บาท โดยคาดกำไรปกติ Q3/61 ฟื้นตัวจากค่าการกลั่นฟื้นตัวจาก Singapore และ GRM QTD ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.2% หลังแรงกดดันจากปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปเริ่มลดลง รวมไปถึงการหยุดซ่อมโรงกลั่นทั้วโลกในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. ขณะที่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีในกลุ่มอะโรเมติกส์ปรับเพิ่มแข็งแกร่ง เป็นผลจากกำลังการผลิตกลุ่ม Downstream ในภูมิภาคทยอยเริ่มดำเนินการผลิต และยังได้ประโยชน์จากโรงงาน PTA ที่เพิ่มขึ้น