นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า เอไอเอสประกาศความร่วมมือแบบซินเนอร์ยี่กับบมจ.เจ มาร์ท (JMART) ในฐานะเอ็กซ์คลูซีฟพาร์ทเนอร์ ภายใต้เป้าหมาย มอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ดีที่สุดให้คนไทย เริ่มต้นจากการจำหน่ายสินค้าและบริการดิจิทัลที่มีคุณภาพ คุ้มค่า และครบครันจากเอไอเอส ผ่านร้านค้าในเครือเจมาร์ททั้งหมด รวม 443 แห่ง และตัวแทนจำหน่ายซิงเกอร์ ซึ่งเป็นบริการในเครือของเจมาร์ทอีกกว่า 3,000 คน ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ แบบลงลึกถึงระดับหมู่บ้านและตำบล โดยความร่วมมือครั้งนี้จะเริ่มอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ต.ค.นี้ พร้อมเปิดบริการแรกร่วมกัน
สำหรับความร่วมมือ ประกอบด้วย ร่วมจัดจำหน่ายสินค้าและส่งมอบบริการดิจิทัลจากเอไอเอสแบบเอ็กซ์คลูซีฟในร้านเจมาร์ทช็อปทุกสาขาทั่วประเทศรวม 205 สาขาที่พิเศษกว่าเดิม และครบครันมากยิ่งขึ้นอาทิ สมาร์ทโฟน แก็ดเจ็ต อุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ โดยจะมีโปรโมชั่นพิเศษที่ออกแบบมาให้เฉพาะลูกค้าของทั้งสองโดยเฉพาะด้วยรวมถึงบริการต่าง ๆ จากเอไอเอสที่จัดดิสเพลย์ภายในร้าน ให้ลูกค้าได้ทดลองสัมผัส และใช้งานจริง อาทิ คอนเทนต์บันเทิงระดับโลก, เน็ตบ้านเอไอเอสไฟเบอร์ และสมัครใช้งานได้ที่จุดนี้ด้วย อีกทั้งอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมให้ลูกค้าเอไอเอสได้ที่เจมาร์ทช็อป ขยายช่องทางการให้บริการ (Touch Point) แบบลงลึกทุกพื้นที่ มอบความสะดวกสบายเข้าถึงระดับหมู่บ้านและตำบล โดยพลิกมิติใหม่ของบริการเครือข่าย ผ่านตัวแทนจำหน่ายของซิงเกอร์ กว่า 3,000 ราย ที่พร้อมไปหาลูกค้าถึงหน้าประตูบ้าน และหน้าร้านซิงเกอร์ช็อป จำนวน 187 สาขา เพื่อเน้นเจาะตลาดตรงไปยังฐานลูกค้าซิงเกอร์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยในอนาคต เตรียมร่วมกันจัดแพ็กเกจให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าซิงเกอร์ อาทิ มอบสิทธิพิเศษซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมซิมมือถือ และเน็ตบ้านเอไอเอสไฟเบอร์ อีกทั้งจัดจำหน่ายสินค้า และบริการของเอไอเอสแบบเอ็กซ์คลูซีฟผ่านหน้าร้าน IT Junction ในพื้นที่ห้างบิ๊กซี 51 สาขาทั่วประเทศ
เอไอเอส จะนำเทคโนโลยี และ Digital Infrastructure เข้าไปช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจและการให้บริการลูกค้า ที่เจมาร์ทช็อปและร้านค้าในเครือ เพื่อให้พร้อมต่อยอดในการสร้างสรรค์และพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ ๆ ในอนาคต
"เรามองเห็นโอกาสและความแข็งแกร่งของเจมาร์ท และธุรกิจในเครือที่หลากหลาย ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้เรียกว่า Win-Win ทุกฝ่าย คือ เอไอเอสขยายช่องทางในการนำเสนอสินค้าและบริการเข้าถึงลูกค้าในระดับลงลึกมากขึ้น และยังร่วมกันทำแคมเปญการตลาดอีกมากมาย แน่นอนว่าประโยชน์สูงสุดจะเป็นของลูกค้าที่ได้สัมผัสบริการที่พิเศษยิ่งขึ้นกว่าเคย ในอนาคตเอไอเอส และบริษัทในเครือเจมาร์ท จะขยายผลความร่วมมือเพื่อมอบบริการใหม่ๆ ให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทยอยเปิดตัวในเร็วๆ นี้"นายปรัธนา กล่าว
นายปรัธนา กล่าวว่า ปัจจุบันเอไอเอสมีลูกค้ากว่า 40 ล้านราย แต่ยังมีลูกค้าอีกครึ่งหนึ่งที่ไม่ได้เป็นลูกค้าเอไอเอส การร่วมมือกับกลุ่ม JMART จะทำให้ลูกค้าเข้าถึงบริการของเอไอเอสได้ง่ายขึ้น โดยมีจุดแข็งเรื่องของเครื่องโทรศัพท์มือถือ (Device) , โครงข่าย (Network) ,บริการต่างๆผ่านแอพพลิเคลชั่น(Application) และ การบริการ (Service) หรือ DNAS ที่จะตอบโจทย์ความต้องการผุ้บริโภค โดยปัจจุบัน คนไทยเล่นอินเตอร์เน็ตเฉลี่ย 9 ชั่วโมง/วัน ซึ่งติดเป็นอันดับต้นๆของโลก และมีจำนวน 94 ล้านเลขหมาย หรือ 130% ของประชากรประเทศ โดย 75% เป็นผู้บริโภคที่มีเครื่องสมาร์ทโฟน ที่เหลือเป็นเครื่องฟีเจอร์โฟน โดยมีการซื้อมือถือใหม่ 15 ล้านเครื่อง และใน 20 ล้านคนเปลี่ยนแพกเกจบริการมือถือตลอดเวลา รวมทั้งมียอด Download มากกว่า 12 ล้านครั้ง/ปี
"ตลาดยังมีดีมานด์ทั้งเรื่องเครื่องโทรศัพท์มือถือ แอพพลิเคชั่น มีอย่างเข้มแข็งต่อเนื่อง เอไอเอสได้พัฒนาบริการทุกรูปแบบ อย่างเครือข่าย เราลงทุนมหาศาล เราลงทุนถึง 2 แสนล้านบาทบาท ทำให้โครงข่ายเอไอเอสไปใช้ได้ทุกที่ ไม่ใช่แค่เครือข่ายที่เป็นเบอร์ 1 แต่ต้องสร้างประสบการณ์ ที่มีหลากหลายรูปแบบ เราสร้าง DNAS ที่แข็งแรงเพื่อส่งมอบประสบการณ์ให้ลูกค้า" นายปรัธนากล่าว
นอกเหนือจากการให้บริการมือถือแล้ว เอไอเอสจะร่วมให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband) ที่จะร่วมไปกับการขายสินค้าของกลุ่ม JMART ด้วย
นอกจากนี้ เอไอเอสก็มีช่องทางการจำหน่ายทั้งที่ AISShop, AISTelewiz และ AIS Buddy กว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ รวมพื้นที่สาขาในเทสโก้โลตัส อีก 200 สาขาซึ่งตั้งอยุ่ในอำเภอใหญ่ๆ
*JMART มองเป็นจุดเปลี่ยนเกมตลาดสื่อสาร
ด้านนายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจมาร์ท กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการนำจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาร่วมกันสร้างการเติบโตได้เต็มศักยภาพมากยิ่งขึ้น และเป็น Deal of the Year ในด้านการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ และเห็นว่าการลงนามความร่วมมือแบบ Exclusive ในครั้งนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการเป็นพันธมิตรทางการค้าเท่านั้น กลุ่มเจมาร์ทอยู่ระหว่างการศึกษาความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง AIS กับธุรกิจในกลุ่มบริษัทย่อย และบริษัทร่วม เพิ่มเติมต่อไปในอนาคต
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ความร่วมมือแบบ Exclusive นี้ ทำให้ JMART จะไม่สามารถขายบริการแพกเกจของโอเปอเรเตอร์รายอื่นได้ จากฐานลูกค้าที่ใช้บริการองเอไอเอส 40% ทรู 30% และ ดีแทค 30% แต่นับจากวันที่ 1 ต.ค.จะเปลี่ยนมาขายเครื่องพร้อมแพกเกจของเอไอเอส 100% ซึ่ง JMART จะนำเสนอข้อพิเศษ อาทิ การรับประกันเครื่องนาน 3 ปี การให้บริการเงินผ่อน
ขณะเดียวกัน คาดว่าการร่วมมือนี้จะทำให้ยอดขายของกลุ่ม JMART จะเติบโตขึ้น โดยวัดจากยอดลูกค้าประเภทรายเดือน (postpaid) เพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัวจากปัจจุบันลูกค้า Postpaid มีสัดส่วนไม่เกิน 20%ของยอดขายรวม 1 แสนเครื่อง/เดือน
โดยเฉพาะช่องทางผ่าน บมจ.ซิงเกอร์ ประเทศไทย (SINGER) ที่มีแผนขยายร้านและแฟรนไชส์ ครบ 6 พันแห่งภายใน 3 ปีนี้ โดยปีนี้ขยายแล้ว 1 พันสาขา ซึ่งช่องทางนี้บริษัทสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ ในทุกอำเภอ หรือพื้นที่ห่างไกล ซึ่งปัจจุบันช่องทางซิงเกอร์ ขายเครื่องมือถือ 5 พันเครื่อง/เดือน รวมทั้ง กลุ่ม JMART ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ IT Junction 51 แห่งมีดีลเลอร์ขายมือถือกว่า 1,500 รายหรือคิดเป็น 8% ของตลาด
"Timing ตอนนี้ perfect วันนี้ตลาดโทรคมฯ เติบโตต่อเนื่อง สินค้ามือถือเป็นสินค้า Mass Product ...ผมเชื่อว่าลูกค้าจะเพิ่มเป็นทวีคูณ จากนี้ไป จะเป็นเกมรุกและ aggressive วัดผลได้ เราจะทำตลาด 360 องศา ส่งบริการไปพื้นที่ที่เข้าไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นเงินสด และเงินผ่อน ...การร่วมมือครั้งนี้จะทำให้กลุ่ม JMART กลับมา Turnaround และเติบโตขึ้นมา เราจะเป็นแขนขาให้เอไอเอส" นายอดิศักดิ์ กล่าว
กลุ่ม JMART ได้แก่ เจมาร์ท โมบาย ผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกโทรศัพท์มือถือ และดิจิทัลไอที , เจเอเอส แอสเซ็ท ผู้นำด้านการบริหารจัดการพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า และเป็นพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ , JMT ผู้นำในด้านติดตามหนี้ และมีลงทุนในเจพี ประกันภัย และ SINGER ผู้นำตลาดเครือข่ายตรงพร้อมบริการด้านสินเชื่อ และเช่าซื้อสำหรับผู้บริโภค และ เจ เวนเจอร์ส ผู้นำด้านเทคโนโลยี Fintech