นายสันติ กีระนันทน์ ผู้จัดการตลาดตราสารหนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดตราสารหนี้ BEX (Bond Electronic Exchange) ในปี 2551 มีแผนพัฒนาระบบ Firsts (Fixed Income and Related Securities Trading System) ซึ่งเป็นระบบที่รองรับธุรกรรมการซื้อขายสำหรับผู้ลงทุนสถาบัน ให้เป็นระบบซื้อขายที่ครบวงจร และสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด เช่น การเชื่อมระบบต่อตรงกับระบบการชำระราคาและส่งมอบของบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด และ การตกลงระดับรัฐบาลในการเชื่อมต่อระบบซื้อขายตราสารหนี้ระหว่างไทยและสิงคโปร์ภายในปี 2553 อันจะเป็นประโยชน์สำหรับทั้งผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้ง BEX ยังคงผลักดันการขจัดอุปสรรคเรื่องภาษีสำหรับผู้ลงทุนบุคคล และการสร้างเครื่องมือในการวิเคราะห์และบริหารพอร์ตลงทุน
ในปี 2551 กระทรวงการคลังได้วางแผนที่จะออกพันธบัตรภาครัฐจำนวนมาก เพื่อนำเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และเพื่อให้ตลาดตราสารหนี้มีพันธบัตรรัฐบาลเพียงพอที่จะนำมาสร้างอัตราผลตอบแทนอ้างอิงของพันธบัตรรัฐบาล (Benchmark Yield Curve) ด้วย
โดยคาดว่าในปี 2551 จะมีมูลค่าตราสารหนี้ภาครัฐออกสู่ตลาดแรกประมาณ 2.609 ล้านล้านบาท สำหรับหุ้นกู้ภาคเอกชน คาดการณ์ว่าในปี 2551 จะมีหุ้นกู้ภาคเอกชน (รวม Commercial Paper) ออกมาสู่ตลาดตราสารหนี้ มูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านบาท โดยช่วงต้นปีหน้าภาคธุรกิจจะเร่งระดมทุนมากขึ้น เพราะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ โดยภาคธุรกิจที่ต้องการเงินทุนจะมาจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พลังงาน ธุรกิจเช่าซื้อ และการเงินการธนาคารเป็นหลัก
“บรรยากาศการออกตราสารหนี้ในปี 2551 คาดว่าจะเริ่มคึกคักตั้งแต่ช่วงต้นปี 2551 เพราะเชื่อว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงกลางปี นอกจากนี้ หากธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาประกาศยกเลิกการใช้มาตรการกันสำรองเงินทุนร้อยละ 30 กับตลาดตราสารหนี้ ก็น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไม่มากก็น้อย" ผู้จัดการตลาดตราสารหนี้ BEX กล่าว
สำหรับภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในปี 2550 (ม.ค. — พ.ย. 2550) มีการออกตราสารหนี้สกุลเงินบาทภายในประเทศ มูลค่ารวมประมาณ 5.78 ล้านล้านบาท คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 122.06 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยร้อยละ 81 เป็นการระดมทุนของภาครัฐในรูปของตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรหน่วยงานของรัฐ และพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน (รวมตราสารหนี้ระยะสั้น หรือ Commercial Paper) มีมูลค่าการออกหุ้นกู้ใหม่ทั้งสิ้น 1.087 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 50.87 นอกจากนี้ ยังมีตราสารหนี้สกุลเงินบาทที่ออกโดยองค์กรระหว่างประเทศ (Foreign Bond) มูลค่าประมาณ 7.4 พันล้านบาท
สำหรับภาวะการซื้อขายตราสารหนี้ใน BEX มีมูลค่ารวม 2.903 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 616 เมื่อเทียบกับปี 2549 ที่มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 4.06 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อขายโดยสถาบัน 2.9 แสนล้านบาท และบุคคล 275.71 ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปี 2550 เท่ากับ 1,270 ล้านบาท เทียบกับปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ 168 ล้านบาทต่อวัน การซื้อขายยังคงกระจุกตัวในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐบาล และตั๋วเงินคลัง
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์ โทร.0-2253-5050 อีเมล์: jumnain@infoquest.co.th--