มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียจะก้าวขึ้นแซงหน้าตลาดหุ้นคู่แข่งอย่างวอลล์สตีทและตลาดหุ้นยุโรปได้ในปีพ.ศ.2551 เนื่องจากตัวเลขการใช้จ่ายที่แข็งแกร่ง สภาพคล่องที่สูง และได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจจีนที่เติบโตขึ้น แม้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงก็ตาม
ตัวเลขการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคของภาครัฐและความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชีย จะช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากยอดส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐที่ลดลงได้ โดยสหรัฐเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของเอเชียและยังคงได้รับผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อตึงตัวและปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพรม์)
"ตลาดหุ้นเอเชียมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาก มีมูลค่าตลาดที่สมเหตุสมผล มีสภาพคล่องสูง แนวโน้มผลประกอบการที่สดใส และนักลงทุนมีการลงทุนอย่างรอบคอบ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยผลักดันให้ตลาดหุ้นเอเชียก้าวขึ้นแซงหน้าตลาดหุ้นยักษ์ใหญ่อย่างวอลล์สตรีทได้ เราคาดว่าตลาดหุ้นในเอเชียจะทะยานขึ้นถึง 25% ในปีพ.ศ.2551 ซึ่งการประเมินครั้งนี้ไม่นับรวมตลาดหุ้นโตเกียว" มอร์แกน สแตนลีย์กล่าว
"ขณะที่ภูมิภาคเอเชียยังคงต้องพึ่งพาอุปสงค์ในต่างประเทศนั้น เอเชียยังคงมีความคืบหน้าในด้านดีทั้งในเรื่องเศรษฐกิจระดับมหาภาคและผลประกอบการ นอกจากนี้ ตลาดเอเชียมีสภาพคล่องที่สูงกว่าในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งป้จจัยเหล่านี้จะช่วยให้เอเชียสามารถฝ่าฟันปัจจัยลบที่เกิดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐได้ดีกว่าในอดีต" มอร์แกน สแตนลีย์กล่าว
"เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สภาพคล่องในเอเชียหนาแน่น ส่วนปัจจัยอื่นๆได้แก่ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในเอเชียที่อยู่ในระดับสูง การปฏิรูปกองทุนบำเน็จบำนาจ และการที่นักลงทุนรายย่อยเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในตลาดการเงิน" มอร์แกน สแตนลีย์ระบุ สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--