นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้ช่วยผู้จัดการ และ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เชื่อว่ายังมีโอกาสที่ปีนี้จะมีบริษัทรายใหม่เข้ามาจดทะเบียนในตลาด mai ได้ตามเป้าหมาย 15 บริษัท หลังจากช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีเข้ามาแล้ว 6 บริษัท และในช่วง 3 เดือนจากนี้ยังมีอีก 10 บริษัทที่ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว ซึ่งล่าดสุได้รับการอนุมัติให้เสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) แล้ว 3 บริษัท
ขณะที่ตลาด mai ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ในปีนี้ราว 20,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีเพิ่มขึ้น 27,000 ล้านบาท โดย 9 เดือนแรกของปีนี้มีมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นแล้ว 6,000 ล้านบาท
"เราตั้งเป้า IPO ปีนี้ไว้ 15 บริษัท จากปีก่อนทำได้ 17 บริษัท ซึ่งตอนนี้ก็ลุ้นอยู่ว่าจะทำได้ไหม แต่ที่ผ่านมาในช่วง 3 เดือนสุดท้ายจะมีบริษัทเข้า mai มากกว่าทุกครั้ง โดยตอนนี้ภาวะตลาดเอื้ออำนวยต่อการระดมทุนในตลาด ไม่รวมนโยบายจากภาครัฐที่มีเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษี BOI เข้ามาช่วยด้วย"นายประพันธ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทที่อยู่ระหว่างเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาด mai มากกว่า 230 บริษัท โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกจำนวน 84 บริษัทที่มีที่ปรึกษาทางด้านการเงิน (FA) แล้วและมีแผนจะเข้า mai ภายในช่วงปี 62-64 กลุ่มที่สองมีจำนวน 70 บริษัทที่มี FA แล้ว แต่ยังไม่ได้ระบุปีที่จะเข้า mai และ กลุ่มสุดท้ายจำนวน 70 บริษัทยังไม่มีการแต่งตั้ง FA อย่างเป็นทางการ
"บริษัทสนใจที่จะเข้า mai มีมาก แต่ยังขาดบุคคลากร โดยเฉพาะ FA ผู้ตรวจสอบบัญชี และ CFO ทำให้ไม่สามารถจะเข้าได้ ทำให้ปีๆหนึ่ง มีบริษัทเข้า mai ได้เฉลี่ย 15 บริษัท แต่ถ้าเราแก้ปัญหาตรงนี้ก็อาจจะเห็นเข้า mai ได้มากถึง 30 บริษัทต่อปี"นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ เปิดเผยอีกว่า ขณะนี้ยังมีธุรกิจ Startup ที่สนใจใช้ตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมี Startup แถวหน้าที่อยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมเข้าจดทะเบียน mai ในปี 62 จำนวน 1 ราย โดยคาดว่า Startup ที่มีอยู่ราว 1,000 รายจะมีโอกาสอยู่รอดได้ 10 ต่อ 1 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอีที่มียอดขายหรือมีนวัตกรรมที่จะสามารถสร้างการเติบโตต่อไปได้ดี
ทั้งนี้ Startup ที่มีโอกาสจะเข้ามาจดทะเบียน mai โดยเฉลี่ยมีมาร์เก็ตแคปราว 500-1,000 ล้านบาท
"เราได้ร่วมลงทนใน Startup กับธนาคารกรุงไทย 200 ล้านบาท และ ธนาคารออมสิน 400 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของออมสิน มี 10 บริษัทที่เราลงทุนไปแล้ว โดยใช้เงินไป 100 ล้านบาท ซึ่งบริษัทดังกล่าวสนใจที่จะเข้า mai ใน 1-2 ปีข้างหน้า โดยจะต้องสร้างยอดขาย หรือ กำไรให้มีความมั่นคง ซึ่งยอดขายในปัจจุบันทำได้ 100 ล้านบาท แต่เราจะพัฒนาให้เป็น 1,000 ล้านบาทให้ได้"นายประพันธ์ กล่าว