นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up โดยคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนที่ผ่านมาได้พุ่งขึ้นแรง เนื่องจากตลาดบ้านเรามีน้ำหนักจากหุ้นน้ำมันค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ ได้รับอานิสงส์จากที่สหรัฐฯบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับแคนาดาและเม็กซิโก ทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียได้ตอบรับไปในระดับหนึ่งแล้วเมื่อวานนี้ และเช้านี้ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ก็เกิด Sell on fact
อย่างไรก็ดีตลาดฯอาจจะมีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มแบงก์หลังจากที่ใกล้จะทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/61 ในช่วงกลางเดือนนี้ ซึ่งฝ่ายวิจัยก็คาดว่ากลุ่มแบงก์ในไตรมาส 3/61 จะมีกำไรเติบโต 6.7% yoy จากการตั้งสำรองลดลงหลังเลื่อนใช้เกณฑ์ IFRS9 แต่จะลดลง 5% qoq เนื่องจากไตรมาส 2/61 มีกำไรจากการขายสินทรัพย์มาก
พร้อมให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ โดยให้แนวรับ 1,754 จุด ส่วนแนวต้าน 1,770 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,651.21 จุด พุ่งขึ้น 192.90 จุด (+0.73%), ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,924.59 จุด เพิ่มขึ้น 10.61 จุด (+0.36%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,037.30 จุด ลดลง 9.05 จุด (-0.11%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 130.41 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 72.36 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.60 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 6.96 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 2.91 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.27 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 2.65 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 15.33 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีน ปิดทำการวันนี้ (2 ต.ค.) เนื่องในวันชาติ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 ต.ค.61) 1,760.47 จุด เพิ่มขึ้น 4.06 จุด (+0.23%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 476.05 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ต.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ต.ค.61) ปิดที่ 75.30 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.05 ดอลลาร์ หรือ 2.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ต.ค.61) ที่ 6.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.33 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 32.20-32.40 ตลาดรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง
- "สมคิด" จี้ "ฟิทช์" ปรับเพิ่ม เรทติ้งไทย หลังเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง สร้างสมดุลดีขึ้น การเมืองชัดเจน ย้ำไม่แฟร์ หากมองแต่ปัจจัยการเมือง พร้อมระบุฮ่องกงสนลงทุนโครงการไซเบอร์พอร์ต ส่งผู้เชี่ยวชาญช่วยดูระบบการเงิน ขณะเงินบาทไทยแข็งค่าสวนทางภูมิภาค ลุ้นข่าวฟิทช์ปรับเรทติ้งส์ ทั้งเงินเฟ้อสูงกว่าคาด
- "อุตตม"เตรียมเสนอ กพอ.เคาะ 5 โครงการ เร่งดันโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล 5 ปี 1.9 หมื่นล้าน วางระบบดิจิทัล 3 จังหวัด 1,000 ตร.กม. เน็ตเร็วกว่า 4G 100 เท่า ลดค่าบริการ loT 30% รองรับ 1 ล้านอุปกรณ์ต่อ 1 ตร.กม. เล็งออก ทีโออาร์เมืองการบินอู่ตะเภา ศูนย์ซ่อม บำรุงอากาศยาน ท่าเรือมาบตาพุด ท่าเรือแหลมฉบัง ต.ค.นี้
- คลังสั่งเร่งเบิกจ่ายงบ ปี 2562 หวังกระตุ้นบริโภคโค้งสุดท้าย เอกชนยันไตรมาส 4 กำลังซื้อฟื้น
- ตลาดหลักทรัพย์เล็งแก้เกณฑ์เครื่องหมาย "เอสพี" เปิดโอกาสผู้ลงทุนขายหุ้นได้ กรณีไม่ยอมชี้แจงข้อมูล ชี้ถือเป็นสัญญาณที่พิจารณาได้ว่าบริษัทเริ่มมีปัญหา ขณะข้อมูลเพียงพอต่อการตัดสินใจแล้ว เผยอยู่ระหว่างเฮียริ่งผู้เกี่ยวข้อง ด้าน "นิเวศน์" ย้ำต้องพิจารณาให้รอบคอบ ยอมรับบางกรณีเปิดให้ซื้อขายดีกว่า
- "พาณิชย์" เผยเงินเฟ้อเดือน ก.ย. เพิ่ม 1.33% สูงขึ้นเป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน เหตุราคาพลังงานเพิ่ม 8.10% สูงขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 22 ระบุปรับค่ากลางเงินเฟ้อทั้งปีใหม่เป็น 1.25% หลังทิศทางราคาน้ำมันสูงขึ้น
- ธปท.เผยดัชนีความเชื่อมั่น ก.ย.ทรงตัวมอง 3 เดือนข้างหน้าเชื่อมั่นลดลง กังวลต้นทุนพุ่ง และความผันผวนราคาน้ำมันโลก
*หุ้นเด่นวันนี้
- ORI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 25.40 บาท ราคาหุ้นลงรับรู้ประเด็นแบงก์คุมสินเชื่อไปหมดแล้ว ซึ่งมองว่า ORI ถูกกระทบจำกัด เพราะเน้นตลาดกลาง-บนที่มีการปฏิเสธสินเชื่อต่ำ ในทางตรงข้าม ทิศทางดอกเบี้ยทีเริ่มขึ้นกลับหนุนยอดขายให้เร่งตัวช่วงแรก พร้อมคาดกำไรปกติปี 2561-62 โตแกร่งที่สุดในกลุ่มเฉลี่ย 69% ต่อปี มี Backlog รองรับแล้ว 91% และ 56% ตามลำดับ และถ้าหัก Dilution จากหุ้นปันผล กำไรต่อหุ้นปี 61-62 ยังโตได้ 10% Y-Y และ 31% Y-Y ระยะยาวจึงมีโอกาสได้ปันผลฟรี
- MTC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า consensus สูงสุด 56 บาท วันนี้มีประชุมนักวิเคราะห์คาดชี้แจง ธปท.ออกกฏระเบียบใหม่ และ preview งบ Q3/61 มองตลาดตอบรับเชิงบวกและงบอาจมี upside จากที่ตลาดคาดไว้
- WHA (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 5 บาท เชื่อว่าจากการเลือกตั้งที่มีความชัดเจน และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในพื้นที่อีอีซี (คาดว่าจะประมูล และประกาศ TOR ใน 4Q61) จะก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในด้านการลงทุน, การคมนาคม และหนุนให้ยอดขายที่ดินในนิคมฯมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 2H61 แต่อย่างไรก็ตามยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ที่ 3.7 พันล้านบาท (+13%) จากยอดขายที่ดินที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.0 พันไร่ และคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในปี 2562 ที่ 1.4 พันไร่ภายหลังที่มีการเลือกตั้ง และความชัดเจนแนวทางสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาลชุดใหม่ ทั้งนี้มองว่าราคาหุ้นมีโอกาสจะกลับไประดับ +2SD ที่เคยเทรดในปี 2558 ได้ จากยอดขายที่ดินในปี 2561-62 ที่สูงขึ้น และใกล้เคียงกับยอดขายในปี 2558