THG คาดรายได้ปี 62 โตกว่า 10% จากรับรู้รายได้ 3 โครงการเต็มปี, แย้มอสังหาฯรายใหญ่สนใจร่วมลงทุน-เล็งซื้อรพ.ใน CLMV

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 2, 2018 16:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ รองประธานกรรมการ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปี 62 จะเติบโตมากกว่า 10% จากรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีของโครงการ Jin Wellbeing County ซึ่งปัจจุบันมียอดจองเพิ่มขึ้นมาที่ 164 ยูนิตแล้ว จากทั้งหมดจำนวน 494 ยูนิต โดยบริษัทตั้งเป้าหมายสิ้นปีนี้จะสามารถทำยอดจองเข้ามาเพิ่มเป็น 200 ยูนิต และจะพร้อมทยอยโอนกรรมสิทธิ์ได้ตั้งแต่เดือนธ.ค.61 ทำให้จะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในปลายปีนี้บางส่วนและรับรู้รายได้เต็มปีในปีหน้า

นอกจากนี้ บริษัทยังรับรู้รายได้เต็มปีจากโครงการศูนย์การแพทย์ ธนบุรี บำรุงเมือง เมดิคอล เซ็นเตอร์ (Thonburi Bamrungmuang Medical Center) ซึ่งเป็นศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง โดยในเดือน พ.ย.นี้ จะเปิดให้บริการในเฟสแรก ประกอบด้วย ศูนย์ตรวจเช็คสุขภาพ, ศูนย์ทันตกรรม และศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก (IVF) เป็นต้น อีกทั้งจะรับรู้รายได้โครงการธนบุรี เฮลท์ วิลเลจ ประชาอุทิศ ซึ่งมีจำนวนห้องทั้งสิ้น 412 ห้อง คาดว่าจะเปิดให้บริการในเฟสแรกในช่วงปลายเดือน ธ.ค.นี้

พร้อมกันนั้นยังจะรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงพยาบาลเข้ามาเพิ่มเติม จากการเข้าลงทุนถือหุ้นในสัดส่วน 55-60% ในโรงพยาบาลธนบุรีทุ่งสง ซึ่งปัจจุบันได้เข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 40% แล้ว คาดว่าสิ้นปีนี้จะดำเนินการเข้าซื้อได้ครบทั้งหมด โดยใช้งบลงทุนทั้งสิ้นจำนวน 360 ล้านบาท ซึ่งโรงพยบาลธนบุรีทุ่งสงจะเปิดให้บริการได้ในกลางปีหน้า รวมถึงบริษัทเตรียมเปิดให้บริการโรงพยาบาลธนบุรี บูรณา โรงพยาบาลฟื้นฟูสุขภาพในเฟสแรกจำนวน 54 ห้อง ในปี 62 เช่นกัน โดยเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนรายได้ให้เติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้

นพ.ธนาธิป กล่าวว่า ในขณะนี้มีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่สนใจเข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัทฯ เนื่องด้วย THG เป็นผู้เชียวชาญด้านการดูแลสุขภาพครบวงจร และการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior home) ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นของบริษัทฯ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในขณะนี้ โดยหากมีความร่วมมือกันเกิดขึ้น บริษัทก็มีความพร้อมที่จะร่วมลงทุน

อีกทั้งบริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการธุรกิจโรงพยาบาลในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศ CLMV เพื่อขยายฐานธุรกิจโรงพยาบาลให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งหากบริษัทฯ มีฐานโรงพยาบาลที่แข็งแกร่งก็จะสามารถดึงดูดการร่วมมือกับพันธมิตรในอนาคตได้

ปัจจุบันบริษัทมีโรงพยาบาลในต่างประเทศ จำนวน 2 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาล Welly Hospital ในประเทศจีน ซึ่ง THG ถือหุ้น 58% คาดว่าในปี 62 จะถึงจุดคุ้มทุน และโรงพยาบาล Ar Yu International Hospital ในประเทศเมียนมา ซึ่ง THG ถือหุ้น 40% โดยจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการได้ในเดือนพ.ย.นี้

นพ.ธนาธิป กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 24-27 ก.ย.61 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ร่วมกับ บล.เจพีมอร์แกน (ประเทศไทย) เดินทางไปนำเสนอข้อมูลแก่กองทุนในประเทศมาเลเซีย, สิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งมีประมาณ 20 กองทุน โดยกลุ่มเหล่านี้ก็ได้ให้ความสนใจด้านสุขภาพ (Healthcare) อยู่แล้ว ซึ่งบริษัทก็ถือว่าเป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพในประเทศไทย และอยู่ในตลาด Senior home รวมถึงในธุรกิจเดิมหรือโรงพยาบาลก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี ก็น่าจะดึงดูดการเข้ามาลงทุนของกองทุนต่างประเทศมากขึ้น จากปัจจุบันยังมีสัดส่วนการเข้าถือหุ้นไม่ถึง 10% ขณะเดียวกันก็ยังมีแผนโรดโชว์ในต่างประเทศเพิ่มเติมอีกในช่วงต้นปี 62

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า P/E ของกลุ่ม Healthcare จะค่อนข้างแพงแล้ว แต่ยังเชื่อว่ายังคงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อย่างสิงคโปร์ ทำให้การลงทุนในหุ้น Healthcare ในประเทศก็ยังมีความน่าสนใจอยู่ จาก Fundamental ที่ดีอยู่แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ