นางจิตรลดา เลขาพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ไอร่า เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือน ต.ค.61 มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น โดยให้กรอบดัชนี (SET Index) 1,736-1,766 จุด แนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,798 จุด หลังตลาดส่วนใหญ่สะท้อนประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คาดจะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องไปถึงปี 62 พร้อมคาดว่าแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะมีความแข็งแกร่ง สามารถรองรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่คาดทรงตัวในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของ SET Index อาจอยู่ในกรอบจำกัด ภายใต้ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยเฉพาะต่อวงเงินรอบใหม่อีก 267,000 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้สหรัฐประกาศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 25% รวมถึงประเด็นทางการเมืองในสหรัฐจากการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือน พ.ย.นี้ ที่อาจมีผลต่อที่นั่งในสภาคองเกรส และอาจส่งผลต่อการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ประเด็นในประเทศ ที่ส่งผลเชิงบวกต่อดัชนีตลาดหุ้นฝยเดือนนี้ อาธิ การเลือกตั้งที่มีความชัดเจนในวันที่ 24 ก.พ.62 ตามลำดับ คาดช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศ และการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/61 โดยกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มแรกทยอยประกาศกลางเดือนนี้ หลังจากนั้นเป็นกลุ่ม Real Sector ที่จะทยอยประกาศไปจนถึงกลางเดือน พ.ย.61 รวมถึง Thailand Future Fund มูลค่า 45,000 ล้านบาทมีแผนขายหน่วยลงทุน 12-19 ต.ค. นี้และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 31 ต.ค.61 เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง
ส่วนปัจจัยด้านต่างประเทศ ล่าสุดในเดือน ก.ย.61 ต่างชาติขายสุทธิ 7,756 ล้านบาท ลดลงต่อเนื่องจากเดือน พ.ค.ที่ต่างชาติขายสุทธิสูงถึง 51,859 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายสุทธิ 9 เดือนแรกปี 61 รวม 208,874 ล้านบาท หรือประมาณ 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม คาดเงินลงทุนต่างชาติบางส่วนยังพักอยู่ในตลาดตราสารหนี้ของไทย โดยยอดซื้อสุทธิของต่างชาติในตลาดพันธบัตร YTD ประมาณ 6,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เข้าสู่ช่วงการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 คาดว่าเริ่มมีแรงเก็งกำไรจากกลุ่มธนาคารที่ทยอยประกาศออกมา
สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาสำหรับเดือนนี้ คือ อัตราดอกเบี้ยเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น หลังมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ล่าสุดอยู่ที่ 5 ต่อ 2 เพิ่มจากครั้งก่อนที่มีเพียง 1 เสียงที่เห็นว่าควรขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมส่งสัญญาณว่าการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากในระดับปัจจุบันจะทยอยลดความจำเป็นลง หลังแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้ออยู่ในเป้าหมาย 2.5 ±1.5% (ล่าสุด ส.ค. 61 อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.62%) ทำให้เริ่มมีการคาดการณ์ว่า กน.อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วสุดมีโอกาสเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้
รวมถึง นโยบายการเงินสหรัฐ เฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องถึงปี 62 อย่างไรก็ตามคาดมีความเสี่ยงจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐ ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ทำให้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอาจทำให้เฟดพิจารณาเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าความคาดหมาย ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนนั้น สหรัฐยังมีแผนเรียกเก็บ วงเงินเพิ่มอีก 267,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดโดยรวมสหรัฐ เรียกเก็บสินค้าทุกรายการที่นำเข้าจากจีน หรือคิดเป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 517,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้น ประเมินกลยุทธ์การลงทุนในเดือน ต.ค.เก็งกำไรหุ้นเฉพาะกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร อานิสงส์จากการประมูลคลื่น 900 MHz ซึ่งกำหนดยื่นซอง 8 ตุลาคม 61 และกำหนดวันประมูล 20 ต.ค.61 หากมีผู้เข้าร่วมประมูลมากกว่า 1 ราย หรือ 3 พ.ย.61 หากมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียง 1 ราย หุ้น
และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้รับอานิสงส์จากโครงการต่างๆ ที่ทยอยเปิดประมูลช่วง ต.ค.-พ.ย.เช่น ทางด่วนพระราม 3- วงแหวนรอบนอก มูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านบาท กำหนดยื่นซอง 12 พ.ย.61
นอกจากนี้ยังแนะนำ "ทยอยสะสม" หุ้นที่มีความน่าสนใจจากปัจจัยเฉพาะตัว รวมถึงผลประกอบการคึงปีหลัง 61 มีแนวโน้มดีกว่าครึ่งปีแรก 61 พร้อมกับการเติบโตต่อเนื่องในปี 62 ได้แก่ BR, KTB, SPA, STEC, SVI และ TOP เป็นต้น