บล.ไอร่า มองภาพรวม SET ต.ค.มีโอกาสปรับขึ้นในกรอบจำกัด จากความไม่แน่นอนสงครามการค้ากดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 3, 2018 11:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางจิตรลดา เลขาพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ไอร่า เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือน ต.ค.61 มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น โดยให้กรอบดัชนี (SET Index) 1,736-1,766 จุด แนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,798 จุด หลังตลาดส่วนใหญ่สะท้อนประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คาดจะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องไปถึงปี 62 พร้อมคาดว่าแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะมีความแข็งแกร่ง สามารถรองรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่คาดทรงตัวในระดับสูง

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของ SET Index อาจอยู่ในกรอบจำกัด ภายใต้ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยเฉพาะต่อวงเงินรอบใหม่อีก 267,000 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้สหรัฐประกาศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 25% รวมถึงประเด็นทางการเมืองในสหรัฐจากการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือน พ.ย.นี้ ที่อาจมีผลต่อที่นั่งในสภาคองเกรส และอาจส่งผลต่อการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ประเด็นในประเทศ ที่ส่งผลเชิงบวกต่อดัชนีตลาดหุ้นฝยเดือนนี้ อาธิ การเลือกตั้งที่มีความชัดเจนในวันที่ 24 ก.พ.62 ตามลำดับ คาดช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศ และการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/61 โดยกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มแรกทยอยประกาศกลางเดือนนี้ หลังจากนั้นเป็นกลุ่ม Real Sector ที่จะทยอยประกาศไปจนถึงกลางเดือน พ.ย.61 รวมถึง Thailand Future Fund มูลค่า 45,000 ล้านบาทมีแผนขายหน่วยลงทุน 12-19 ต.ค. นี้และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 31 ต.ค.61 เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง

ส่วนปัจจัยด้านต่างประเทศ ล่าสุดในเดือน ก.ย.61 ต่างชาติขายสุทธิ 7,756 ล้านบาท ลดลงต่อเนื่องจากเดือน พ.ค.ที่ต่างชาติขายสุทธิสูงถึง 51,859 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายสุทธิ 9 เดือนแรกปี 61 รวม 208,874 ล้านบาท หรือประมาณ 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม คาดเงินลงทุนต่างชาติบางส่วนยังพักอยู่ในตลาดตราสารหนี้ของไทย โดยยอดซื้อสุทธิของต่างชาติในตลาดพันธบัตร YTD ประมาณ 6,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เข้าสู่ช่วงการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 คาดว่าเริ่มมีแรงเก็งกำไรจากกลุ่มธนาคารที่ทยอยประกาศออกมา

สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาสำหรับเดือนนี้ คือ อัตราดอกเบี้ยเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น หลังมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ล่าสุดอยู่ที่ 5 ต่อ 2 เพิ่มจากครั้งก่อนที่มีเพียง 1 เสียงที่เห็นว่าควรขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมส่งสัญญาณว่าการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากในระดับปัจจุบันจะทยอยลดความจำเป็นลง หลังแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้ออยู่ในเป้าหมาย 2.5 ±1.5% (ล่าสุด ส.ค. 61 อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.62%) ทำให้เริ่มมีการคาดการณ์ว่า กน.อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วสุดมีโอกาสเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้

รวมถึง นโยบายการเงินสหรัฐ เฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องถึงปี 62 อย่างไรก็ตามคาดมีความเสี่ยงจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐ ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ทำให้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอาจทำให้เฟดพิจารณาเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าความคาดหมาย ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนนั้น สหรัฐยังมีแผนเรียกเก็บ วงเงินเพิ่มอีก 267,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดโดยรวมสหรัฐ เรียกเก็บสินค้าทุกรายการที่นำเข้าจากจีน หรือคิดเป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 517,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ดังนั้น ประเมินกลยุทธ์การลงทุนในเดือน ต.ค.เก็งกำไรหุ้นเฉพาะกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร อานิสงส์จากการประมูลคลื่น 900 MHz ซึ่งกำหนดยื่นซอง 8 ตุลาคม 61 และกำหนดวันประมูล 20 ต.ค.61 หากมีผู้เข้าร่วมประมูลมากกว่า 1 ราย หรือ 3 พ.ย.61 หากมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียง 1 ราย หุ้น

และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้รับอานิสงส์จากโครงการต่างๆ ที่ทยอยเปิดประมูลช่วง ต.ค.-พ.ย.เช่น ทางด่วนพระราม 3- วงแหวนรอบนอก มูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านบาท กำหนดยื่นซอง 12 พ.ย.61

นอกจากนี้ยังแนะนำ "ทยอยสะสม" หุ้นที่มีความน่าสนใจจากปัจจัยเฉพาะตัว รวมถึงผลประกอบการคึงปีหลัง 61 มีแนวโน้มดีกว่าครึ่งปีแรก 61 พร้อมกับการเติบโตต่อเนื่องในปี 62 ได้แก่ BR, KTB, SPA, STEC, SVI และ TOP เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ