นายปุณยธร สุทธิพงษ์ชัย ผู้จัดการหุ้นส่วน บริษัท ครีเอทีฟเวนเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจกองทุนร่วมลงทุนที่จัดตั้งขึ้นในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้เปิดตัวกองทุนร่วมลงทุนกองที่สอง มูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ ประมาณ 1,650 ล้านบาทและได้ออกมาระดมเงินทุนจากนักธุรกิจในไทยและสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี จากนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์และเห็นโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็นเทรนด์หรือทิศทางของโลก โดยขณะนี้บริษัทได้รับเงินลงทุนจากนักธุรกิจและนักลงทุนผู้มีวิสัยทัศน์ได้เพียงพอต่อการเริ่มต้นลงทุนแล้ว แม้กองทุนนี้จะมีเป้าหมายที่จะปิดการระดมทุนในเดือน มี.ค.62 ก็ตาม และขณะนี้ยังคงมีนักลงทุนทั้งไทยและนักลงทุนสิงคโปร์สนใจเข้ามาพูดคุยเพื่อร่วมลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินไปลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่อยู่ในซิลิคอน วัลเลย์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของบริษัทที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Tech) สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นทิศทางหรือเทรนด์ของโลก (Mega Trend) เพื่อช่วยให้มนุษย์มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นและแก้ไขปัญหาสำคัญของโลก โดยมุ่งเน้นใน 3 กลุ่มธุรกิจ คือ ธุรกิจแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรม, ปัญหาเกษตรกรรมและอาหารจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือภาวะโลกร้อน และการใช้เทคโนโลยีสุขภาพที่ช่วยดูแลประชากรผู้สูงอายุ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้จัด Innovation Tour พากลุ่มนักลงทุนที่สนใจเดินทางไปศึกษาข้อมูลและพบปะพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการลงทุนของกองทุนที่ซิลิคอน วัลเลย์ ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกามาแล้วด้วยเช่นกัน
"เราเชื่อว่าการลงทุนในธุรกิจที่มีการสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยี ที่มีความจำเป็นหรือความต้องการในการแก้ปัญหาหรืออำนวยความสะดวกให้กับการดำเนินชีวิตให้มีคุณภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตลอดจนการลดต้นทุนและสร้างประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ จะให้ผลตอบแทนทางการเงินที่เหนือกว่าในระยะยาว" นายปุณยธร กล่าว
อนึ่ง ครีเอทีฟเวนจอร์ เกิดจากการรวมตัวของนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ อาทิ นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) นายภูริต ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการบริหาร กองทุนสิงห์เวนเจอร์, นายพิรชัย เบญจรงคกุล Investment Director บริษัท บีซีเอช เวนเจอร์ส จำกัด ในกลุ่มเบญจจินดา, นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทรีเซน ไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA), นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN), นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล อดีตผู้บริหาร บมจ. มิลล์คอนสตีล (MILL) เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงเพื่อใช้งานเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Tech) และการคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาว
นายปุณยธร กล่าวว่า เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เชื่อว่าอีกไม่เกิน 3 ปีจะมีการนำเครื่องจักรเข้ามาทำงานแทนคนมากขึ้น เพื่อให้คนไปทำงานอื่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เช่น ที่ผ่านมาคนแข่งกันลงทุนในหุ้น ตอนนี้มีการสร้างหุ่นยนต์ไว้เทรดหุ้น ต่อไปคงต้องแข่งกันเรื่องผลิตหุ่นยนต์เทรดหุ้น
สำหรับในอนาคตมีแผนจะเปิดกองทุนร่วมลงทุนต่อเนื่องไป โดยภายในระยะเวลา 5 ปีหลังจากนี้คาดว่าจะเปิดกองทุนร่วมลงทุนกองที่สาม มูลค่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
"หลังจากเปิดกองทุนฯ แรก 11 ล้านเหรียญ (สหรัฐฯ) กองทุนฯ ที่สอง 50 ล้านเหรียญ จากนี้ไปอีก 3-5 ปี น่าจะเปิดกองทุนฯ ที่สาม มูลค่าสัก 250 ล้านเหรียญ" นายปุณยธร กล่าว