(เพิ่มเติม) "โอสถสภา"เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 25 บาท จากช่วงราคาเบื้องต้น 22-25 บาท เปิดให้รายย่อยจองซื้อ 1-4 ต.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 5, 2018 12:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นของ บมจ.โอสถสภา (OSP) เปิดเผยว่า OSP กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและหุ้นสามัญเดิม (IPO) ที่ราคาสูงสุดของช่วงราคาเบื้องต้นที่ราคา 22.00-25.00 บาทต่อหุ้น หลังจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมากและได้แสดงความต้องการจองซื้อที่ราคาสูงสุดหุ้นละ 25.00 บาท โดยจะเปิดให้นักลงทุนรายย่อยได้จองซื้อหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 1-4 ต.ค.61

"การตอบรับดังกล่าว เกิดจากการที่นักลงทุนมองว่า OSP เป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค และมีแบรนด์สินค้าที่เป็นผู้นำตลาด มีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีความแข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนและประสิทธิภาพการดำเนินงาน ที่สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต"นายพิเชษฐ กล่าว

OSP จะเสนอขายหุ้น IPO รวมไม่เกิน 603.75 ล้านหุ้น และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 17 ต.ค.61 เป็นวันแรก

นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บล.ภัทร ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ OSP กล่าวว่า บริษัทและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายจะจัดสรรหุ้น OSP ให้แก่นักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นจำนวนรวม 419.9 ล้านหุ้น หรือประมาณ 69.5% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมดในครั้งนี้

นางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ OSP กล่าวว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นในการรักษาและเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ในฐานะที่บริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคและมีนวัตกรรมที่ทันสมัย ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘พลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต’ (The Power to Enhance Life) โดยมุ่งมั่นพัฒนาบริษัทให้เป็นองค์กรที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้บริโภคและสังคมด้วยผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่ทันสมัย

เงินที่ได้จากการเสนอขาย IPO ในครั้งนี้ประมาณ 1.26 หมื่นล้านบาท จะนำไปใช้ขยายธุรกิจต่อยอดจากความแข็งแกร่งในปัจจุบัน โดยเฉพาะการลงทุนสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ในเมียนมาร์ ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทรองจากธุรกิจในประเทศไทย และจะเป็นธุรกิจหลักธุรกิจหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างมูลค่าให้บริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัทในอนาคต ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ